Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์


วิถีแห่งความสัตย์จริง
The way of truth

 
 

1 เมษายน 2550

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก                                   

                เมื่อคราวที่แล้ว ผมได้สื่อสารแนวคิดของ สตีเฟ่น คาร์เตอร์ เขาย้ำให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสร้างอาวุธทางการเมืองให้กับประชาชน ด้วยรื้อฟื้น ความสัตย์จริง ให้เป็นลักษณะชีวิตพื้นฐาน เขาชี้ให้เห็นว่า การดำเนินการทางการเมืองในอเมริกาทั้งของฝ่ายเสรีนิยม (เดโมแครต) และอนุรักษ์นิยม (รีพับลิกัน) กำลังเล่นเกมกับประชาชน

                ในสายตาของนักการเมือง ประชาชนเป็นเพียงเครื่องมือ ดังนั้น นักการเมืองไม่ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนนัก แต่ต้องพยายามหาวิธีการควบคุม หาทางใช้ประโยชน์ พยายามจูงใจให้เปลี่ยนความคิด ให้เห็นดีเห็นงามกับคำพูด ข้อเสนอที่หยิบยื่นให้ และพยายามหาทางให้ประชาชนเป็นและทำอย่างที่นักการเมืองต้องการ

                นอกจากนี้ ทั้งนักการเมืองสองฝ่ายยังพยายามสร้างให้เกิดความเกลียดชังระหว่างกัน มุ่งทำให้เกลียดฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้หันมาเลือกอีกฝ่ายหนึ่ง มากกว่าการอดทนยอมรับในความแตกต่างระหว่างกัน เขากล่าวว่า ถ้ามีใครถามว่าเขาอยู่ฝ่ายไหน อนุรักษ์นิยม หรือ เสรีนิยม เขาจะตอบว่า ไม่ทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้เพราะเขามองว่า พวกอนุรักษ์นิยมมักปลุกเร้าให้เกิด การเหยียดกลุ่ม การแบ่งเขาแบ่งเรา ส่วนพวกที่อยู่ฝ่ายเสรีนิยม มักจะเป็นที่รวมของพวกที่ดูถูกเหยียดหยามค่านิยมที่เคยยึดถือ ประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมา โดยมองว่าล้าสมัย

                คาร์เตอร์ได้นำเสนอหลักการ 8 ประการ ในการค้นหาแก่นแท้ของประชาธิปไตย ซึ่งผมคิดว่าหลักการเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งไม่เพียงต่อประเทศสหรัฐ แต่สำหรับประเทศไทยด้วย ประชาธิปไตยไทยจะเข้มแข็งได้ต้องเริ่มจากประชาชน และภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมที่มีความเข้าใจและตระหนักในการดำเนินชีวิตแบบผู้สัตย์จริง

                1. ประเทศชาติดำรงอยู่เพื่อประชาชนในประเทศ นี่คืออุดมคติสูงสุดที่เราต้องยึดไว้ เราต้องสร้างการเมืองแห่งความสัตย์จริง การให้ความสำคัญกับปัจเจกบุคคล ประชาชนควรมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่  

                2. รู้ว่าเรื่องใดสำคัญอันดับแรก และเรื่องใดสำคัญรอง ๆ ลงมา  การเมืองที่สัตย์จริงนั้นเป็นการเมืองที่จัดลำดับความสำคัญ รู้ว่า ณ เวลานั้นเรื่องใดสำคัญที่สุด เรื่องใดสำคัญรอง ๆ ลงมา และเลือกที่จะทำเรื่องที่สำคัญกว่าก่อน ไม่ใช่เลือกที่จะทำเรื่องที่จะทำให้ได้เสียงมากกว่าก่อน

                3. ธำรงไว้ซึ่งความคงเส้นคงวา การเมืองที่สัตย์จริงนั้นเป็น การเมืองที่ยึดมั่นในหลักการ และดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ สอดคล้องกับหลักการที่ยึดถือ  สามารถประยุกต์หลักการสู่ภาคปฏิบัติในการบริหารประเทศได้อย่างสอดคล้อง ไม่เบี่ยงหลักการ โดยเฉพาะผู้นำต้องมีหลักการ และยึดมั่นในหลักการนั้น ไม่ปลิ้นปล้อน เปลี่ยนแปลง ตลบแตลงไปตามสถานการณ์  

                4. ทุกคนต้องมีส่วนร่วม ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกภาคส่วนต้องสามารถเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองได้ ไม่ถูกปิดกั้น มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ความเชื่อ และแนวทางปฏิบัติที่แตกต่าง

                5. ความถูกผิดไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญ เราจะต้องพูดเกี่ยวกับความถูกความผิดโดยไม่จำเป็นต้องอ้างบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ เสียงส่วนใหญ่อาจจะทำให้ชนะ แต่เสียงส่วนใหญ่มิใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป เราต้องยึดมั่นในความถูกต้องตามหลักการและเหตุผล ไม่อ้างเพียงความถูกต้องตามกฎหมาย

                6. การเมืองต้องยกระดับคุณค่าความเป็นคนของเรา การเมืองที่สัตย์จริงนั้นคือ การที่ประชาชนต้องพยายามตอบสนองต่อนักการเมืองที่สื่อสารเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่านักการเมืองที่พยายามหยิบยื่นคำสัญญาว่าจะทำสิ่งต่าง ๆ ให้กับเรา  เขาย้ำว่า ประชาชนที่เที่ยงธรรมต้องไม่ให้ข้อเสนอของนักการเมืองลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเรา

                7. รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน การเมืองที่สัตย์จริงต้องอยู่บนหลักของการรับฟังกันและกัน เพื่อวินิจฉัยว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิดอย่างมีเหตุมีเหตุ มิใช่เชื่อไปตามเสียงส่วนใหญ่ หรือมีอคติกับอีกฝ่ายหนึ่งเป็นทุนเดิม

                8. ยอมรับในชัยชนะและความพ่ายแพ้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตยสุดท้ายขึ้นอยู่กับเสียงโหวตของประชาชน ย่อมต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้ การเมืองที่สัตย์จริงจะยอมรับว่า ในบางครั้งฝ่ายตรงข้ามก็เป็นผู้ชนะ และยอมรับในความพ่ายแพ้ตามกติกา โดยกล้าหาญที่จะแสดงความยินดี มิใช่พูดเหน็บแนม หรือกล่าวกาว่าเขากระทำผิดโดยสร้างหลักฐานเท็จ

                การทำให้การเมืองเป็นการเมืองที่สัตย์จริงได้นั้น ประชาชนต้องเป็นผู้ที่ริเริ่มปรารถนาจะดำรงอยู่ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย ทั้งในอุดมการณ์และในภาคปฏิบัติ การทำให้เกิดขึ้นจริง คาร์เตอร์ย้ำว่า ประชาชนต้องไม่เกียจคร้าน หรือเอาแต่โทษกันไปมา แต่ต้องออกมาเรียกร้องและร่วมกันสร้างให้เกิดสิ่งที่เขาต้องการเห็นร่วมกัน

                สำหรับประเทศไทย เราจะทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็งได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ประชาชนที่เที่ยงธรรม เพราะคะแนนเสียงของคนเหล่านี้จะสร้างการเมืองที่เที่ยงธรรมได้ในระยะต่อไป ซึ่งอนาคตประชาธิปไตยไทยจะเข้มแข็งได้มากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่า ในวันนี้ ประชาชน และภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมมีความเข้าใจและตระหนักในการดำเนินชีวิตแบบผู้สัตย์จริง เช่นที่กล่าวไปแล้วมากน้อย

 

-------------------------------