เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
แนวคิดการสร้าง
“ผู้ประกอบการเพื่อสังคม”
หรือ
Social
Entrepreneur
อาจฟังไม่คุ้นหูคนไทย
แต่ในหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว
เช่น
สหรัฐอเมริกา
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งและเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
แนวคิดนี้เริ่มต้นมาจากความคาดหวังเดิมที่ต้องการเห็นภาคธุรกิจและประชาสังคม
(NGOs)
เป็นตัวขับเคลื่อนในการแก้ปัญหาสังคม
อย่างไรก็ตามทั้งสองภาคส่วนดังกล่าวต่างมีความจำกัดในตัวเอง
คือ
ภาคธุรกิจมุ่งเน้นไปที่การแสวงหากำไร
ไม่ได้สนใจปัญหาสังคมอย่างแท้จริง
แม้ว่าบางส่วนจะตอบแทนแก่สังคมบ้าง
แต่เป็นลักษณะการสร้างภาพลักษณ์เสียเป็นส่วนมาก
ขณะที่กลุ่ม
NGOs
แม้เป็นกลุ่มที่มีอุดมการณ์
แต่ส่วนใหญ่ยังไม่เข้มแข็งและเลี้ยงตัวเองไม่ได้
เพราะขาดแหล่งทุนสนับสนุนที่ต่อเนื่อง
และระบบการบริหารจัดการที่ไม่เข้มแข็ง
ทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นไม่มีความยั่งยืน
“ผู้ประกอบการเพื่อสังคม”
จึงอาจเป็นทางเลือกใหม่ในการแก้ปัญหาสังคมไทยในปัจจุบัน
ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ซับซ้อนขึ้น
และรุนแรงขึ้น
การหวังให้ภาครัฐเพียงฝ่ายเดียวเป็นตัวหลักในการแก้ปัญหาสังคมคงทำได้ไม่ง่าย
จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในสังคม
ลักษณะของผู้ประการเพื่อสังคมเป็นอย่างไร
ลักษณะของผู้ประกอบการเพื่อสังคมมีความพิเศษ
คือ
เป็นผู้มีส่วนผสมระหว่างความคล่องตัว
ความมีประสิทธิภาพ
และความสามารถในการสร้างนวัตกรรมแบบผู้ประกอบการ
ร่วมกับความมีจิตสำนึกต่อสังคมแบบนักพัฒนาสังคมไว้ด้วยกัน
ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าผู้ประการเพื่อสังคมมีความโดดเด่นกว่าผู้ประกอบการ
หรือ
NGOs
โดยทั่วไป
เพราะนอกจากเขาจะมีความสามารถในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและเลี้ยงตัวเองได้แล้ว
เขายังใช้ธุรกิจนั้นเป็นเครื่องมือหาแหล่งเงินทุน
เพื่อให้การสนับสนุนความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาสังคมที่ตนเองสนใจให้สามารถดำเนินไปได้อย่างไม่ขาดตอน
เมื่อพิจารณาจากภายนอก
โดยเปรียบเทียบระหว่างผู้ประกอบการเพื่อสังคมกับผู้ประกอบการทั่วไปนั้นแทบไม่มีความแตกต่างกัน
แต่หากพิจารณาแรงจูงใจภายในของผู้ประกอบการเพื่อสังคมนั้น
ไปไกลกว่าการแสวงหาความมั่งคั่งเพื่อตนเอง
แต่เขาปรารถนาที่จะเห็นสังคมถูกพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
น่าเสียดาย
หากประเทศของเราจะมีแต่ผู้ประกอบการที่มีความสามารถจำนวนไม่น้อย
แต่ผู้ประกอบการเหล่านี้กลับไม่สนใจต่อปัญหาสังคม
โดยมุ่งแต่แสวงหาผลกำไรให้กับธุรกิจของตนเป็นที่ตั้ง
และน่าเสียดายเช่นเดียวกัน
หากเรามีแต่นักพัฒนาสังคมที่มีความตั้งใจดีต่อชาติบ้านเมือง
แต่บุคคลเหล่านี้ขาดกำลังทรัพย์สนับสนุน
และขาดทักษะในการทำกิจกรรมเพื่อหาทุน
ความตั้งใจที่ดีต่อสังคมนั้นจึงมีโอกาสสำเร็จได้ยาก
แนวคิดการสร้างผู้ประกอบการเพื่อสังคม
การสร้างผู้ประกอบการเพื่อสังคมเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศที่พัฒนาแล้ว
ยกตัวอย่างใน
สหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยหลายแห่งมีหลักสูตรเพื่อสร้างผู้ประกอบการเพื่อสังคมโดยเฉพาะ
ซึ่งหลักสูตรที่ว่านี้ดึงความสนใจของนักศึกษาที่สนเรื่องการทำธุรกิจหรืออยากเป็นผู้ประกอบการ
ให้หันไปสนใจการแก้ไขปัญหาสังคมด้วย
ดังนั้นนักศึกษาที่จบออกมาจะเป็นบุคคลที่มีความเป็นนักธุรกิจและนักพัฒนาสังคมในบุคคลคนเดียวกัน
นักศึกษาที่เข้ามาเรียนจะถูกฝึกฝนให้เป็นนักธุรกิจ
เพื่อสามารถเขียนแผนธุรกิจของตน
โดยตัวธุรกิจนั้นต้องไม่ทำร้ายสังคม
เช่น
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอบายมุข
หรือ
กิจกรรมที่ทำลายสิ่งแวดล้อม
เป็นต้น
นอกจากนี้ธุรกิจนั้นจะต้องสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนและเติบโตมีกำไรเหมือนกับธุรกิจทั่วไป
มากยิ่งกว่านั้น
แผนธุรกิจนั้นไม่ได้มีเป้าหมายหลักเพื่อแสวงหากำไรสูงสุดแก่องค์กร
แต่นำกำไรที่ได้สนับสนุนงานเพื่อแก้ปัญหาสังคมให้สามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
กรณีประเทศไทยผมขอเสนอแนวทางเป็นเบื้องต้นว่า
การสร้างคนให้เป็นผู้ประกอบการเพื่อสังคม
ต้องเกิดจากความร่วมมือกันระหว่างภาคประชาสังคม
ภาครัฐ
และมหาวิทยาลัย
โดยใช้มหาวิทยาลัยที่สร้างคน
ทั้งนี้อาจจัดตั้งเป็นคณะหรือสาขาหรือหลักสูตรใหม่
เช่น
Master
of
Social
Entrepreneur
หรือร่วมกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ
เพื่อให้ผู้ที่จบออกไปสามารถทำงานได้จริง
ผมคิดว่าสังคมไทยถึงเวลาแล้วที่จะต้องสร้างผู้ประกอบการเพื่อสังคมขึ้นมาให้มีจำนวนมากเพื่อเป็นแนวทางหลักในการแก้ปัญหาสังคม
แม้แนวทางนี้ยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่และหลายฝ่ายอาจมองว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะทำได้จริง
แต่ผมเชื่อว่าสังคมไทยยังมีคนที่มีความตั้งใจดีและมีศักยภาพที่อยากเห็นปัญหาสังคมได้รับการแก้ไขและเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
|