เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ.2540
ได้ให้อำนาจแก่คณะกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.)
ซึ่งเป็นองค์กรอิสระเพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไป
แต่อำนาจหน้าที่ของ
กกต.
ในรัฐบาลชุดที่แล้วได้ถูกแทรกแซงจากอำนาจทางการเมือง
และทำลายระบบตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจ
โดยมีการวางเครือข่ายให้คนของฝ่ายการเมืองเข้ามาดำรงตำแหน่งในสำนักงาน
กกต.
จนเกิดปัญหากล่าวหาหลายประการ
ไม่ว่าจะเป็น
การซื้อขายใบเหลือง
ใบแดง
มีการร้องเรียนเรื่องการเรียกเงินให้หลุดคดีใบเหลือง-ใบแดง
การพิจารณาวินิจฉัยคดีที่ผิดพลาดของ
กกต.
เป็นต้น
นอกจากนี้
หากต้องนำคดีเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยของศาล
อาจทำให้ยิ่งล่าช้า
เนื่องจากมีบุคลากรจำกัดในการทำหน้าที่พิจารณา
และศาลมีคดีความเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว
ส่งผลให้ต้องลงโทษผู้สมัครรับเลือกตั้งที่กระทำผิดเมื่อได้ประกาศผลการเลือกตั้งไปแล้ว
จึงเป็นการเสียเวลา
และเสียงบประมาณในการเลือกตั้งซ่อม
ดังนั้น
ผมขอเสนอว่า
ควรจัดให้มีการพิจารณาคดีแยกออกมาจาก
กกต.
โดยจัดตั้ง
“ศาลปกครองแผนกคดีเลือกตั้ง”
ในการพิจารณาใบเหลือง-ใบแดง
แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
โดยมีหลักการในการจัดตั้งดังต่อไปนี้
การลดอำนาจ
กกต.
ไม่ให้ใบเหลือง-ใบแดง
หากพิจารณาในเชิงการแบ่งแยกอำนาจอันเป็นหลักการพื้นฐานของการเป็นนิติรัฐแล้ว
กกต.
ควรมีอำนาจเพียงจัดการการเลือกตั้ง
ออกกฎระเบียบต่าง
ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง
การบริหารสำนักงาน
และการสืบสวนสอบสวน
แต่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้ใบเหลือง-ใบแดง
หรือการใช้อำนาจที่กระทบต่อสิทธิของบุคคล
ควรมีองค์กรใดองค์กรหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่นี้
จัดตั้ง
“ศาลปกครองแผนกคดีเลือกตั้ง”
พิจารณาคดีเลือกตั้งโดยเฉพาะ
กระบวนการยุติธรรมของ
“ศาล”
ควรมีหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและถ่วงดุลในการใช้อำนาจของ
กกต.
ไม่ให้ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองดังที่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว
โดยเสนอว่าควรเป็น
“ศาลปกครอง”
ทั้งนี้
เพราะเห็นว่าศาลปกครองจะมีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบการใช้อำนาจของหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในทางกฎหมายมหาชนมากที่สุดในเวลานี้
ทั้งนี้เสนอว่า
อาจจัดองค์กรในรูปแบบ
“ศาลปกครองแผนกคดีเลือกตั้ง”
โดยไม่จำเป็นต้องแยกออกมาเป็น
“ศาลเลือกตั้ง”
ต่างหาก
เพื่อให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว
และไม่สิ้นเปลืองงบประมาณในการจัดตั้งองค์กรใหม่
คัดสรรบุคลากรเฉพาะทาง
บุคลากรที่ทำหน้าที่ในการพิจารณาคดีความ
จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
แม้ว่าศาลปกครองจะตั้งขึ้นมาไม่นานนัก
แต่ประเทศไทยก็มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ
คือ
นักกฎหมายมหาชน
และกำลังผลิตบุคลากรด้านนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการพิจารณาคดี
จัดสรรงบประมาณ
เมื่อหน่วยงานการพิจารณาคดีเลือกตั้งอยู่ภายในสังกัดของศาลปกครอง
ทำให้เกิดความมั่นคงแก่องค์กรที่ไม่จำเป็นต้องมีเฉพาะฤดูกาลแห่งการเลือกตั้งเท่านั้น
แต่ยังสามารถคงอยู่เพื่อพัฒนาระบบและความเชี่ยวชาญในการพิจารณาคดีเลือกตั้งได้ต่อไป
การจัดตั้งศาลปกครองแผนกคดีเลือกตั้งขึ้นมานั้น
จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากรัฐ
เพราะเป็นแผนกพิจารณาคดีที่เกิดขึ้นใหม่
งบประมาณที่เพียงพอเพื่อดำเนินการจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
อย่างไรก็ตาม
การจัดตั้งศาลปกครองแผนกเลือกตั้งขึ้นมานั้น
ต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาบุคลากร
และสร้างองค์ความรู้ที่เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาคดีอย่างต่อเนื่อง
แต่ก็นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับประสิทธิภาพในการปิดช่องโหว่ของการทุจริต
ซึ่งมีวงเงินสะพัดเพื่อซื้อเสียงช่วงการเลือกตั้งแต่ละครั้งจำนวนมหาศาล
เมื่อมีศาลปกครองแผนกคดีเลือกตั้งทำหน้าที่วินิจฉัยใบแดง-ใบเหลืองของผู้สมัครเลือกตั้งแล้ว
จะทำให้กระบวนการเลือกตั้งมีความสุจริต
ยุติธรรม
และรวดเร็ว
อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของการเมืองไทย
|