Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์


การได้มาซึ่ง กกต. ที่เหมาะสม

The Appropriate Selection of the Election Commission

 

28 กุมภาพันธ์ 2550

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก                                   

              การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เกี่ยวกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง” (กกต.) นับเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญและหาทางออกร่วมกันว่า กกต. ควรมีที่มาและอำนาจหน้าที่อย่างไรจึงจะเหมาะสม เพื่อให้กระบวนการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองของนักการเมืองเกิดความบริสุทธิ์และเที่ยงธรรมมากที่สุด

การพิจารณาทบทวนถึงที่มาของ กกต.ว่า ใครเหมาะสมในการเป็นผู้สรรหา กกต. 5 คน จำเป็นต้องพิจารณาบนพื้นฐานของ หลักการ เป็นสำคัญ โดยตอบคำถามร่วมกันว่า ที่มาของ กกต. ควรอยู่ภายใต้หลักการสรรหาแบบใด? .. 1... 2 หรือ...3”

หนึ่ง หลักการ ตัดผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

หลักการนี้ตั้งอยู่บนฐานคิดที่ว่า อำนาจ กกต. ไม่ได้อยู่ภายใต้โครงสร้างอำนาจอธิปไตย 3 ฝ่าย คือไม่ใช่อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร รวมทั้งตุลาการ แต่เสมือนเป็น อำนาจตรวจสอบพิเศษ ทำหน้าที่ตรวจสอบบุคลากรที่จะเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐสภา ด้วยเหตุนี้ทั้งสองฝ่ายนี้จึงไม่ควรมีส่วนคัดสรร กกต. เพราะฉะนั้นอำนาจพื้นฐานที่สามารถมีส่วนคัดสรร กกต.ได้ จึงควรเป็นบุคคลที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเชิงความสัมพันธ์ทางอำนาจกับ กกต.

ข้อเสนอตามหลักการนี้ คณะกรรมการสรรหาควรมาจากตัวแทนบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ที่สังคมให้การยอมรับนับถือ อาทิ ตัวแทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด ศาลรัฐธรรมนูญ ตัวแทนจากองค์กรภาคประชาชน และตัวแทนด้านวิชาการ ทำหน้าที่สรรหา กกต.มาจำนวนหนึ่ง จากนั้นให้ผู้ที่ได้รับการสรรหาคัดเลือกกันเองให้เหลือ 5 คน เข้ามาทำหน้าที่เป็น กกต.

ข้อดีของการสรรหาในลักษณะนี้ อาจจะช่วยให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า โอกาสที่ กกต.จะมีความเป็นกลาง มีคุณสมบัติที่เหมาะสม เข้ามาทำหน้าที่เพื่อประชาชนจะมีความเป็นไปได้มากกว่า ถึงกระนั้น ข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นได้คือเราไม่สามารถรับประกันได้ว่า อำนาจการแทรกแซงทางการเมืองผ่านตัวบุคคลแม้ในองค์กรที่เป็นกลางจะมีอิทธิพลมากเพียงใด อำนาจเงินจะอยู่เหนือกว่าคุณธรรมในใจแต่ละคนหรือไม่ ซึ่งหากคนไม่ดี ไม่ว่าหลักการใดก็ไม่สามารถควบคุมได้

สอง หลักการ ถ่วงดุลอำนาจ 3 ฝ่าย

หลักการนี้ ให้ความสำคัญกับอำนาจอธิปไตยตามระบอบประชาธิปไตย 3 ฝ่าย อันได้แก่ อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ อย่างเท่าเทียมกัน โดยให้อำนาจทั้งสามทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลกัน

ดังนั้น ขอเสนอว่า อำนาจหน้าที่ในการสรรหา กกต.ควรเป็นของ ศาล ซึ่งเป็นสถาบันที่มีความเป็นกลางและไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดการเลือกตั้ง โดยจัดตั้ง คณะกรรมการสรรหา กกต.” ประกอบด้วย ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด และศาลรัฐธรรมนูญ สรรหาบุคคลที่เหมาะสมจำนวนทั้งสิ้น 10 คน จากนั้น เสนอให้ รัฐสภา อันประกอบด้วยฝ่ายนิติบัญญัติ (..,..) และฝ่ายบริหาร (มาจากเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ) ซึ่งเสมือนตัวแทนจากประชาชน เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกให้เหลือ 5 คน

การสรรหา กกต.ในลักษณะนี้ อาจเป็นอีกทางเลือกที่เหมาะสมในภาวะปัจจุบัน ทั้งนี้เนื่องจากสถาบันศาลในเวลานี้ ประชาชนให้ความยอมรับนับถือในความซื่อสัตย์และยุติธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้ง แม้ว่าจะให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก แต่หากศาลสรรหาคนที่เหมาะสม ไม่ถูกแทรกแซงตั้งแต่เริ่มแรก โอกาสได้ กกต.ที่มีความเป็นกลาง มีคุณสมบัติเหมาะสมย่อมมีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตไม่มีกลไกใดที่สามารถทำให้มั่นใจได้ว่า ศาลจะไม่ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ทั้งนี้เพราะภายใต้หลักการนี้ ไม่มีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลจากภาคส่วนอื่นช่วยกำกับด้วย

สาม หลักการ แบ่งแยกอำนาจ” (Separation of powers)

หลักการนี้อยู่บนฐานคิดที่ว่า อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ เป็นอำนาจสูงสุดที่ยึดโยงกับประชาชน โดยมองว่า รัฐบาล ส.. และ ส.. เป็นตัวแทนประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนศาล เป็นสถาบันที่ประชาชนให้การยอมรับนับถือในความยุติธรรม

ดังนั้น ควรให้ตัวแทนอำนาจทั้งสามนี้เป็นผู้เลือก กกต.” แทนประชาชน โดยเสนอว่า ผู้นำรัฐบาล ผู้นำฝ่ายค้าน และศาล เป็นผู้สรรหาและเลือก กกต. 5 คน และยื่นให้ ส.ว. เป็นผู้รับรอง ในฐานะเป็นสภาสูงที่ทำหน้าที่กลั่นกรองให้ความเห็นชอบ แม้ว่าหลักการนี้จะสะท้อนการใช้อำนาจทั้งสามฝ่ายแทนประชาชน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายการเมืองคงไม่พ้นการส่ง ตัวแทนทางการเมือง เข้ามาทำหน้าที่ กกต. และทำให้เกิดการบิดเบือนการใช้อำนาจหน้าที่ได้ในที่สุด

 หากพิจารณาทั้งสามหลักการข้างต้น ทางเลือกที่มาของ กกต.ชุดต่อไปที่น่าจะทำให้ได้ กกต.ที่เป็นธรรมและเป็นกลางมากที่สุด ควรยึดหลักการ ตัดผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด หรือในเวลานี้อาจใช้ หลักถ่วงดุลอำนาจ 3 ฝ่าย ได้ อย่างไรก็ตาม คงต้องช่วยกันพิจารณาในรายละเอียดต่อไปว่า คณะกรรมการสรรหาจะได้มาด้วยวิธีใด และกระบวนการสรรหาในรายละเอียดควรเป็นเช่นไร เพื่อทำให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้ กกต. 5 คน เข้ามาทำหน้าที่จัดการการเลือกตั้งได้อย่างเป็นธรรมมากที่สุด 

 


-------------------------------