Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์

กฟผ.ไม่เข้าตลาดหุ้น แล้วค่าไฟจะขึ้นจริงหรือ ?
Will the electricity bill increase if EGAT were not to join stock market?

 

19 พฤศจิกายน 2548

 

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก

การสั่งระงับการกระจายหุ้นของ กฟผ.ไว้ชั่วคราวโดยศาลปกครอง กระทรวงพลังงานอ้างว่า “หากระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ ก็ต้องหาแหล่งเงินจากที่อื่นซึ่งมีต้นทุนสูง เพราะการสร้างโรงไฟฟ้าชะลอไม่ได้เนื่องจากจะส่งผลทำให้ไฟฟ้าดับ และอาจต้องปรับค่าไฟเพิ่มขึ้นด้วย” (มติชนรายวัน 17 .. 2548)

ในกรณีของบริษัทเอกชนอื่น ๆ คำกล่าวนี้อาจจะเป็นความจริง
แต่สำหรับกรณีของ กฟผ. ผมไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น

หากพิจารณากรณีของบริษัททั่วไป การระดมทุนในตลาดหุ้นมักมีต้นทุนต่ำกว่าการหาเงินทุนด้วยวิธีการกู้
เนื่องจากได้กระจายความเสี่ยงไปให้กับผู้ถือหุ้นแล้ว และไม่ต้องจ่ายเงินปันผลในปีที่ผลประกอบการไม่ดี แต่การกู้เงินผู้กู้ต้องรับความเสี่ยงไว้เองทั้งหมด และต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกปีไม่ว่าผลประกอบการจะเป็นอย่างไร

แต่กรณีของ กฟผ.อาจแตกต่างจากบริษัททั่วไป เพราะต้นทุนการกู้อาจต่ำกว่าการระดมทุนในตลาดหุ้น เพราะกฟผ.เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสินทรัพย์จำนวนมาก รัฐบาลถือหุ้นใหญ่จึงมีความมั่นคง และมีความสามารถชำระหนี้ได้สูงมาก สามารถหาเงินกู้ระยะยาวที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำได้ง่าย

การกระจายหุ้นของกฟผ.ต่างจากการระดมทุนของบริษัททั่ว ๆ ไป เพราะมติครม.เมื่อ 9 .. 46 ได้ระบุกรอบการกำกับดูแลที่จะนำมาใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้า ซึ่งต้องคำนึงถึงเกณฑ์การประกันผลตอบแทนการลงทุน (ROIC) เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาซื้อหุ้น

ดังนั้นการระดมทุนด้วยการกู้เงินและการขายหุ้นในตลาดหุ้น
ในกรณีของ กฟผ.จึงไม่แตกต่างกันเลยในแง่การกระจายความเสี่ยง แต่กฟผ.
กลับต้องรับความเสี่ยงมากขึ้น เพราะการกู้เงินยังมีกำหนดเวลาชำระคืนที่แน่นอน แต่การขายหุ้นในตลาดหุ้นนั้นต้องจ่ายเงินปันผลไปตลอดกาล

นอกจากนี้ การที่ กฟผ
.แทบไม่มีความเสี่ยงต่อการขาดทุน และมีแนวโน้มที่จะมีผลกำไรสูง เพราะได้รับสิทธิลงทุนผลิตไฟฟ้าอย่างน้อย 50% ของความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และเป็นเจ้าของสายส่งไฟฟ้ารายเดียว ดังนั้นกฟผ.อาจได้รับประโยชน์ไม่มากจากการกระจายความเสี่ยงในตลาดหุ้น

เหตุผลที่กล่าวทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า เมื่อ กฟผ
.ไม่สามารถเข้าตลาดหุ้น ไม่ได้หมายความว่า กฟผ.จะขัดสนจนปัญญา จนไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำได้เลย และมีความเป็นไปได้ว่า การระดมทุนจากตลาดหุ้นในรูปแบบที่รัฐบาลกำหนดขึ้นนี้ อาจไม่ใช่แนวทางที่ทำให้ กฟผ.ได้รับเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับทุกทางเลือกที่มีอยู่      

การอ้างว่าต้องใช้เงินลงทุน
1 แสนล้านบาท เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จำนวน 4 แห่ง แต่ในเมื่อ กฟผ.ต้องการเงินลงทุนเฉพาะการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ทำไมจึงไม่แยกออกเป็น 4 บริษัท เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นเหมือนบริษัททั่ว ๆ ไป เหมือนกับโรงไฟฟ้าราชบุรี หรือให้ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระเข้ามาผลิตแทนโดย กฟผ.ไม่ต้องลงทุนเอง แต่รัฐบาลกลับนำ กฟผ.ทั้งองค์กรเข้าตลาดหลักทรัพย์      

การนำหุ้นกฟผ
.เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นวิธีการที่แตกต่างจากการเข้าตลาดหุ้นของบริษัททั่วไป เพราะไม่ได้เป็นการกระจายความเสี่ยงให้นักลงทุนตามแนวคิดของการกระจายหุ้น แต่ กฟผ.กลับต้องรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จากการประกันผลตอบแทนของนักลงทุนในระดับสูง การที่ กฟผ.เข้าตลาดหุ้นด้วยวิธีการเช่นนี้ จึงน่าจะทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นมากกว่าการที่ไม่ได้เข้าตลาดหุ้น