เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ร่าง พ.ร.บ.สถิติแห่งชาติ พ.ศ.
.
ควรให้เสรีภาพทางวิชาการแก่หน่วยงานจัดสรรงบวิจัยและมหาวิทยาลัยทุกแห่ง
โดยรัฐต้องยกเว้น ไม่ต้องแจ้งสำนักงานสถิติฯเมื่อจะเก็บข้อมูล
เมื่อวันที่ 19
ตุลาคม ผมได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจะเสนอร่างพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ.
. เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาว่า ผมรู้สึกเห็นด้วย
หากรัฐบาลจะมีสำนักงานสถิติเป็นเครื่องมือให้หน่วยงานภาครัฐสำรวจข้อมูลทางสถิติได้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการพัฒนาประเทศ
แต่ขอเสนอว่า
ควรกำหนดเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่ตอบสนองนโยบายรัฐบาลโดยตรงเท่านั้นที่ต้องแจ้งให้สำนักงานสถิติแห่งชาติทราบเมื่อต้องการเก็บข้อมูล
ไม่ควรเหมารวมหน่วยงานรัฐทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพทางวิชาการไม่ควรอยู่ภายใต้กฎหมายนี้
ในมาตรา 4
ของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้
ได้ให้นิยามคำว่า หน่วยงาน หมายถึง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นของรัฐ
ซึ่งจะครอบคลุมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรทุนวิจัย อาทิ
สำนักงานส่งเสริมทุนวิจัย (สกว.)
และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
รวมถึงมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐด้วย
ด้วยเหตุที่กฎหมายฉบับนี้ระบุให้การเก็บข้อมูลสถิติ
ต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทของสำนักงานสถิติเท่านั้น
ถ้าไม่สอดคล้องย่อมจะไม่ได้รับการพิจารณา ย่อมหมายความว่า
หน่วยงานเหล่านี้จะขาดความเป็นอิสระ ตกอยู่ภายใต้คำสั่งและการชี้นำของรัฐบาล
แม้ไม่ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติด้วยตนเอง
แต่ย่อมถูกควบคุมทางอ้อม เพราะเป็นผู้จัดสรรทุนวิจัยให้แก่หน่วยงานอื่น
ซึ่งต้องดำเนินการตามมาตรา 8 ที่กำหนดไว้ว่า
หน่วยงานต้องจัดทำสถิติให้เป็นไปตามแผนแม่บทของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
หากไม่ปฏิบัติตาม
ให้สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อสั่งการตามที่เห็นสมควร
ดังนั้น
เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง หน่วยงานเหล่านี้
จึงจำเป็นต้องให้ทุนเฉพาะเรื่องที่สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานของรัฐบาล
มากกว่าหัวข้อที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ สิ่งที่ตามมาคือ
ประชาชนจะถูกครอบงำทางความคิด งานสำรวจวิจัยขาดความหลากหลาย
รวมทั้งอาจได้รับรู้เพียงข้อมูลที่สนับสนุนนโยบายของรัฐมากกว่ารับรู้ความจริง
ทั้งที่ในความเป็นจริง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรทุน
จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความเป็นอิสระ ไม่ควรอยู่ภายใต้การครอบงำของใคร
เพื่อให้การจัดสรรงบมีความเป็นธรรม มีเสรีภาพในการจัดสรร
และสะท้อนการส่งเสริมเสรีภาพทางวิชาการ
นอกเหนือจากในกรอบแผนแม่บทตามที่รัฐบาลกำหนดเท่านั้น
ซึ่งทุกประเทศจะบริหารจัดการโดยองค์คณะบุคคลที่ปลอดจากอิทธิพลของรัฐ
ในส่วนของมหาวิทยาลัย
ถือเป็นเรือนเพาะชำทางความคิด จำเป็นต้องเป็นแหล่งเสรีภาพทางวิชาการ
ไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำและการชี้นำทางความคิด
มหาวิทยาลัยควรมีเสรีภาพในการกำหนดขอบเขตของเรื่องที่จะทำการสำรวจข้อมูล
ไม่จำเป็นที่จะต้องยื่นต่อสำนักงานสถิติ สามารถดำเนินการจัดทำข้อมูลสถิติ
ทำการสำรวจวิจัยด้วยตนเอง อันจะช่วยให้เกิดความหลากหลายทางวิชาการ
เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่าการทำตามแผนแม่บทของสำนักงานสถิติแห่งชาติเท่านั้น
ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมในทุกประเด็นที่เป็นสาระสำคัญ
การเก็บข้อมูลสถิติตามแผนแม่บท ควรควบคุมเฉพาะหน่วยงานของรัฐโดยตรงเท่านั้น
ไม่ควรครอบคลุมถึงหน่วยงานที่จำเป็นต้องมีเสรีภาพทางความคิด เสรีภาพในการดำเนินงาน
เสรีภาพที่จะไม่ถูกคุกคามและแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม
หากรัฐบาลเปิดใจกว้างเช่นนี้ จึงเรียกว่า
กล้าหาญในการแสดงความจริงใจว่าไม่ต้องการเข้าแทรกแซง
แต่ยอมรับในเสรีภาพอย่างมีศักดิ์ศรีของนักวิชาการที่มีอิสระในการกำหนดทางเลือกของตนเอง
โดยไม่อยู่ภายใต้การครอบงำของใคร
|