Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก 

          จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.. 2548 จำนวน 50,000 ล้านบาท โดยยื่นเป็นวาระพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 20 เมษายน ที่จะมาถึงนี้

          ผมในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องเข้าร่วมพิจารณางบดังกล่าวด้วยนั้นไม่ได้รู้สึก  ติดใจอะไรมากนักกับข้อวิพากษ์ที่มีต่อการจัดสรรงบกลางเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนนโยบายประชานิยมที่รัฐบาลเคยสัญญาไว้ในการหาเสียงที่ผ่านมา แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดเป็นคำถามในใจผมคือ เงินจำนวน 50,000 ล้านดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงตามเป้าประสงค์ของระเบียบการจัดตั้งงบกลางซึ่งเป็นงบที่ใช้สำหรับเรื่องที่เร่งด่วนฉุกเฉินจริง ๆ  หรือไม่

          ผมเห็นด้วยกับที่รัฐบาลเสนอว่า งบกลางจะใช้ในการแก้ปัญหาที่ “เร่งด่วนฉุกเฉิน”ต่าง ๆ ของประเทศ อาทิ การแก้ปัญหาภัยแล้ง การช่วยเหลือผู้ประภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิ 

          เรื่องที่นอกเหนือจากนั้นไม่ว่าจะเป็น การดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสำหรับผู้ว่าบูรณาการ (ผู้ว่าฯ ซีอีโอ) หรือ เพื่อการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านหรือชุมชน ตามที่รัฐบาลได้เสนอไว้ จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในงบกลาง เหตุผลไม่ใช่เพราะเรื่องดังกล่าวไม่สำคัญ แต่เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่อยู่ในวิสัยของรัฐบาลที่สามารถวางแผนงบประมาณล่วงหน้ามาก่อนได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องขอใช้งบกลาง

          ผมคิดว่า การจัดสรรว่าเรื่องใดควรใช้งบกลางควรมีหลักที่ชัดเจนว่า ต้องฉุกเฉิน เร่งด่วน วางแผนล่วงหน้าไม่ได้ และควรดำเนินตามนั้นอย่างเคร่งครัด เพราะการเปิดช่องให้ทุกเรื่องสามารถที่จะขอใช้งบกลางได้ ย่อมเป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดในระบบการทำงานของภาครัฐที่อาจไม่เห็นว่าการมีวินัยทางการเงินหรือการวางแผนงบประมาณประจำปีเป็นสิ่งสำคัญแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังอาจเป็นการแย่งงบไปจากเรื่องฉุกเฉินอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และควรเริ่มคิดที่จะจัดกันงบฉุกเฉินในปัญหาเหล่านี้ที่มีแนวโน้มว่าอาจเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ ปัญหาผลกระทบจากการลอยตัวราค่าน้ำมัน การรองรับผลกระทบจากการเปิดเสรีทาการค้าหรือ FTA  ซึ่งยังไม่ถูกรวมไว้ในแผนการใช้งบกลางปี 48 ดังกล่าว

          รัฐบาลควรพิจารณาอย่างรอบคอบในการเบิกจ่ายงบกลางแต่ละครั้งโดยให้เป็นการใช้จ่ายในเรื่องที่เร่งด่วนฉุกเฉินอย่างแท้จริงรวมทั้งการแบ่งสัดส่วนของเงินอย่างเหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติรวมทั้งเป็นการสร้างค่านิยมทางการเมืองที่ดีร่วมกัน