Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

 ขอเสนออย่างสร้างสรรค์


ความจริงเกี่ยวกับเศรษฐกิจปี 2548
The Truth about Thailand’s Economy 2006

 

18 มกราคม 2549

 

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก

เมื่อวันที่ 11 .. 49 ท่านนายกฯได้เชิญกลุ่มนักธุรกิจเข้ามาฟังการประเมินภาวะเศรษฐกิจในปี 2548 และแถลงนโยบายเศรษฐกิจในปี 2549 เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักธุรกิจที่มาเข้าร่วมประชุม แต่จากการรับฟังข้อมูลการแถลงของท่านนายกฯเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจปี 2548 ผมมีข้อสังเกตดังต่อไปนี้

การประเมินเศรษฐกิจปี 48 เข้าข้างตัวเอง นายกฯ ได้อ้างว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง เพราะได้ออกมาตรการดันเศรษฐกิจให้ขึ้นมาใหม่ได้ แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังของปี 48 ขยายตัวขึ้นนั้น เนื่องจาก 1) การหยุดการแทรกแซงราคาน้ำมัน 2) เป็นการขยายตัวตามฤดูกาล เพราะทุกปีครึ่งปีหลังจะขยายตัวมากกว่าครึ่งปีแรก 3) การส่งออกที่ขยายตัวในช่วงไตรมาส 3 เนื่องจากการขยายตัวตามวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นมาก 4) ปัจจัยลบต่าง ๆ คลี่คลายลง เช่น ภัยแล้งคลี่คลาย ผลกระทบจากสึนามิคลี่คลาย ขณะที่รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรที่ชัดเจน

ดุลบัญชีเดินสะพัดน่าวิตก การที่นายกฯ บอกว่าพอใจกับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เป็นคำพูดที่แปลกมาก เพราะหากพิจารณาเปรียบเทียบกับ 28 ประเทศในเอเชีย ไทยเป็นประเทศที่ดุลบัญชีเดินสะพัดต่ำกว่าตัวเลขประมาณการณ์เมื่อต้นปี 2548 มากที่สุด ประเทศที่เหลือส่วนใหญ่มีดุลบัญชีเดินสะพัดที่ดีขึ้นหรือเท่าเดิม และมีเพียง 6 ประเทศที่ดุลบัญชีฯแย่กว่าประมาณการณ์ การที่นายกฯ อ้างว่าจ่ายค่าน้ำมันแพงขึ้นทำให้ดุลบัญชีฯแย่ จึงไม่เป็นความจริงทั้งหมด เพราะประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นผู้ผลิตน้ำมันล้วนประสบปัญหาราคาน้ำมันเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่มีปัญหาขาดดุลฯมากเท่ากับเท่ากับประเทศไทย จึงอาจกล่าวได้ว่ารัฐบาลบริหารเศรษฐกิจได้แย่ที่สุดในเอเชีย!!

ภาวะการจ้างงานเต็มที่ (Full employment) ไม่เป็นความจริง การที่นายกฯ บอกว่า 3 ไตรมาสที่แล้วมีอัตราการว่างงานร้อยละ 1 กว่า ๆ และไตรมาสล่าสุดมีอัตราการวางงานร้อยละ 1.3 เท่านั้น ตัวเลขดังกล่าวไม่ตรงกับตัวเลขของสำนักงานสถิติฯ ที่ระบุว่า ไตรมาสที่ 1 ปี 48 อัตราการว่างงานเฉลี่ยร้อยละ 3.0 ไตรมาสที่ 2 ร้อยละ 2.96 และไตรมาสที่ 3 ร้อยละ 1.2 เฉลี่ย 3 ไตรมาส มีอัตราการว่างงานร้อยละ 2.37 และจะอ้างว่าเป็นการจ้างงานเต็มที่ได้ไม่เต็มปาก เนื่องจากมีแรงงานที่มีชั่วโมงการทำงานต่ำกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือการทำงานต่ำระดับถึงร้อยละ 17.6 ของกำลังแรงงาน นอกจากนี้การนำตัวเลขการว่างงานมาชี้วัดว่าเศรษฐกิจดีนั้นไม่เหมาะสม เพราะตลาดแรงงานไทยมีความยืดหยุ่นสูงแม้ในยามวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 อัตราการว่างงานไม่ได้สูงมาก เพราะเรามีภาคเกษตรรองรับ และมีเศรษฐกิจนอกระบบที่มีขนาดใหญ่

การพูดในวันนั้นของนายกฯ เป็นการพูดเพียงด้านเดียว เพื่อเอาดีใส่ตัวเอง เนื่องจากวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการจัดงานครั้งนี้ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลกลับคืนมา เนื่องจากคะแนนนิยมของรัฐบาลตกต่ำ และความแตกแยกในพรรครัฐบาล ตลอดจนแก้ไขประเด็นที่รัฐบาลถูกโจมตี เช่น FTA ไทย-สหรัฐ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้หรือไม่ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่เพียงคำพูดเท่านั้น