เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
พฤติกรรมของมนุษย์มุ่งที่จะแสวงหาความสุขอยู่เสมอ
จึงพยายามหาวิธีการต่าง
ๆ
ที่จะนำมาซึ่งความสุข
รัฐบาลที่ดีจึงควรดำเนินนโยบายที่มุ่งสร้างความสุขให้แก่ประชาชนในประเทศ
การสร้างความสุขควรเป็นเป้าหมายปลายทางที่มีความสำคัญ
อย่างไรก็ตามความสุขของมนุษย์เป็นเรื่องที่ซับซ้อน
มีความเป็นพลวัต
และมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องมากมาย
ทำให้การเข้าใจสภาพความสุขโดยรวมของประชาชนทั้งหมดยังทำได้ยาก
รัฐบาลของทุกประเทศมักสนใจในเป้าหมายที่วัดได้
อาทิ
ตัวแปรทางเศรษฐกิจต่าง
ๆ
ไม่ว่าจะเป็นรายได้ประชาชาติ
อัตราเงินเฟ้อ
อัตราการว่างงาน
ฯลฯ
หรือแม้แต่ตัวชี้วัดทางสังคม
เช่น
อัตราการอ่านออกเขียนได้
หรืออายุขัยเฉลี่ย
แต่ไม่สามารถทราบได้ว่าแนวทางบริหารประเทศดังกล่าวได้บรรลุเป้าหมายปลายทางที่แท้จริง
คือได้ทำให้ความสุขโดยรวมของคนในชาติเพิ่มขึ้นหรือไม่
เนื่องจากความสุขของแต่ละคนขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละปัจเจกบุคคล
คนแต่ละคนจึงให้ความสำคัญกับปัจจัยต่าง
ๆ
ไม่เท่ากัน
ปัญหาอีกประการ
คือ
หากรัฐบาลต้องการทราบความสุขของประชาชน
ไม่สามารถใช้ตัวชี้วัดเพียงตัวใดตัวหนึ่งเพื่อที่จะทราบความสุขของประชาชนได้
ด้วยเหตุผลที่ตัวแปรและตัวชี้วัดต่าง
ๆ
ไม่สามารถสะท้อนความสุขของคนในประเทศได้อย่างถูกต้องทั้งหมด
จึงทำให้การแก้ปัญหาที่มุ่งเป้าที่ตัวชี้วัดเพียงบางตัวอาจเป็นการกำหนดนโยบายอย่างผิดทิศทาง
การแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ
อาจไม่ถูกจัดลำดับความสำคัญอย่างถูกต้อง
จากงานวิจัยเรื่องการพัฒนาชุดดัชนีชี้วัดความสุขของประเทศไทย
ผมได้ศึกษาเพื่อหาชุดของดัชนีเศรษฐกิจที่สามารถชี้วัดระดับความสุขของประชาชนได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์
เป็นรูปธรรม
และสามารถเข้าใจได้ง่าย
เพื่อจะทำให้ทราบถึงปัจจัยที่กำหนดระดับความสุขของประชาชน
ซึ่งแบบจำลองที่ผมใช้ในการประมาณค่าสมการดัชนีความสุข
คือ
แบบจำลอง
Ordered
Probit
โดยใช้ข้อมูลล่าสุดจากการสำรวจค่านิยมของโลก
(World
Values
Survey)
ปี
2542/2543
ในกลุ่มตัวแปรมหภาค
ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความสุข
ได้แก่
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อัตราเงินเฟ้อ
และอัตราการว่างงาน
โดยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความสุข
ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานมีความสัมพันธ์เชิงลบกับความสุข
ในแง่ขนาดของอิทธิพลของปัจจัยเหล่านี้ที่มีต่อความสุข
ผมพบว่า
อัตราเงินเฟ้อมีอิทธิพลต่อความสุขมากที่สุด
รองลงมาได้แก่
อัตราการว่างงานและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ตามลำดับ
ในกลุ่มตัวแปรจุลภาค
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความสุขอย่างมีนัยสำคัญ
ได้แก่
เพศ อายุ
สถานภาพสมรส
ระดับการศึกษา
การมีงานทำและระดับรายได้
โดยมีลักษณะความสัมพันธ์ดังนี้
เพศหญิงมีความสุขมากกว่าเพศชาย
อายุมีความสัมพันธ์กับความสุขโดยช่วงอายุ
51.8
ปี
จะมีความสุขน้อยที่สุด
สถานภาพสมรสมีความสัมพันธ์กับความสุขเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย
ได้แก่
อยู่ด้วยกันโดยไม่ได้แต่งงาน
แต่งงาน
โสด
และหย่าร้าง
แยกกันอยู่
ม่าย
และอื่น
ๆ
ขณะที่การตกงานทำให้มีความสุขลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับการมีงานทำ
ส่วนรายได้และระดับการศึกษามีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความสุข
ในกรณีของประเทศไทยในปัจจุบัน
ผู้มีความสุขมากมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสุขดังกล่าวข้างต้น
มากกว่าผู้มีความสุขน้อย
ทั้งผลกระทบด้านบวกและด้านลบ
ดัชนีชี้วัดดังกล่าวที่ผมได้ทำการศึกษาข้างต้น
ถึงแม้ยังไม่ใช่ดัชนีชี้วัดความสุขโดยรวมของทั้งประเทศได้อย่างสมบูรณ์
แต่นับเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาชุดดัชนีชี้วัดความสุขได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์และเป็นรูปธรรม
และชี้แนวทางที่ทำให้
“ความสุขจับต้องได้”
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2549) การพัฒนาดัชนีความสุขของประเทศไทย, รายงานวิชาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง การบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชนรุ่นที่ 5, สถาบันพระปกเกล้า.
|