เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
กรณีที่นายมะซอบือสิ เจาะแย ได้ร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ถึงกรณีที่ตนถูกบีบบังคับจากอำเภอให้มาเข้าร่วมอบรมกล่อมเกลาจิตใจและร่วมสร้างสันติสุขในพื้นที่นั้น
กรณีดังกล่าวทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตว่า
ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยพยายามดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้างภาพให้ตนเองมีผลงานหรือไม่
ผมตั้งข้อสังเกตว่าการบริหารงานแบบซีอีโอ
โดยการสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาพยายามสร้างผลงานอย่างรีบเร่งนั้น
ทำให้ผู้บริหารงานกระทรวงพยายามผลิตผลงานอย่างรวดเร็ว
โดยมุ่งหวังให้ได้มาซึ่งผลงานเฉพาะหน้า แต่ขาดประสิทธิภาพและประสิทธิผล
และไม่คำนึงถึงความต้องการของประชาชน
การร้องเรียนของนายมะซอบือสินั้นได้บ่งบอกว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาล อำนาจนิยม
เพราะการดำเนินงานในนโยบายต่าง ๆ มีการใช้อำนาจผลักดันโครงการอย่างรวดเร็ว
โดยปราศจากความเข้าใจคนในพื้นที่อย่างถ่องแท้
สังเกตได้จากการบังคับให้ประชาชนต้องเข้าร่วมประชุมในโครงการนี้ ทั้ง ๆ
ที่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเวลานี้กำลังประสบปัญหาน้ำท่วม
และผู้เข้าร่วมประชุมส่วนหนึ่งเป็นผู้ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมครั้งนี้
นอกจากความเป็นอำนาจนิยมแล้ว รัฐบาลยังเป็นรัฐบาล ภาพลักษณ์ หรือนิยมการสร้างภาพ
เอาหน้า และความฉาบฉวยเพื่อให้เป็นข่าว
แต่ไม่สามารถมุ่งหวังความสำเร็จที่ยั่งยืนอย่างไรได้
สังเกตได้จากการเกณฑ์คนเข้าร่วมโครงการ
โดยกลุ่มคนที่เข้าร่วมโครงการนั้นไม่ได้เป็นกลุ่มเป้าหมาย
ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงก่อความไม่สงบหรือสนับสนุนการก่อความไม่สงบ
การที่นายมะซอบือสิ กล่าวว่า ผมมีความผิดอะไรหรือ ทำไมผมต้องมาอบรมกล่อมเกลา
สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า
การประชุมในโครงการนี้เป็นเพียงผักชีโรยหน้าเท่านั้น
เมื่อการแก้ไขปัญหาภาคใต้ปราศจากความเข้าใจและความจริงใจเช่นนี้
ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าปัญหาภาคใต้จะสงบลงได้เมื่อใด
|