เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
เป็นหลักการส่วนหนึ่งของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ แต่ถึงกระนั้นที่ผ่านมา
การดำเนินการของรัฐในการกระจายอำนาจทางการศึกษาสู่ท้องถิ่น
อยู่ภายใต้ความเห็นที่ขัดแย้งหลายด้าน
ทั้งความเห็นจากผู้ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการกระจายอำนาจการจัดการศึกษา
ผู้รับมอบอำนาจในท้องถิ่น ผู้ได้รับผลกระทบ และผู้ที่มีสิทธิจัดการศึกษา
ผมขอยกตัวอย่างกรณีศึกษาจากต่างประเทศ
ซึ่งมีทั้งประสบความสำเร็จและการก่อเกิดปัญหาในการกระจายอำนาจทางการศึกษา
อันจะเป็นบทเรียนให้ผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณา
และหาแนวทางพัฒนาเส้นทางให้การกระจายอำนาจทางการศึกษา
เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบการศึกษาและสังคมไทย ดังนี้
ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการกระจายอำนาจการศึกษาสู่ท้องถิ่น
อังกฤษ: การเพิ่มคุณภาพการศึกษาและฉนวนป้องกันการแทรกแซงทางการเมือง
โดยมีหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนคือ องค์การบริหารการศึกษาท้องถิ่น
ที่มีบทบาทกระตุ้นให้โรงเรียนยกระดับมาตรฐาน
ทำหน้าที่เป็นเสมือนกระบอกเสียงให้กับผู้ปกครอง และแม้ว่าองค์กรนี้จะเป็นส่วนราชการ
แต่มีลักษณะการดำเนินงานที่สามารถป้องกันการแทรกแซงจากภาคการเมืองสู่ภาคการศึกษา
โดยพบว่าในอังกฤษ
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือหน่วยงานจะเป็นไปแบบเพื่อนร่วมอุดมการณ์
การบริหารระหว่างหน่วยงานการศึกษาส่วนกลางและระดับท้องถิ่น
และระหว่างสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากับสถานศึกษา จะเป็นไปในลักษณะการควบคุม
โดยกติกา (Law Enforcement Control) เช่น ระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมาย ฯลฯ
ที่ทุกฝ่ายต้องเคารพปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ส่วนการบังคับบัญชาโดยการสั่งการ
จะใช้เฉพาะการบริหารภายในหน่วยงานในท้องถิ่นเท่านั้น
แคนาดา: การพัฒนาผู้เรียนให้มีงานทำ
แคนาดากระจายอำนาจให้มณฑล/เขตการปกครองดำเนินการเอง
โดยผ่านคณะกรรมการการศึกษาของแต่ละเขตการปกครอง ซึ่งมีประมาณ 168 คณะ
ปัจจุบันเป้าหมายสำคัญในการจัดการศึกษาที่มุ่งกระจายอำนาจบริหารการศึกษาสู่ท้องถิ่น
คือเพื่อการแก้ปัญหาสภาพการว่างงานของแคนาดาที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น
เนื่องด้วยการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ส่งผลให้สถานศึกษาในท้องถิ่น
บริหารจัดการได้คล่องตัวและมีความเป็นอิสระ
สามารถจัดการศึกษาและฝึกอบรมที่มุ่งให้คนมีงานทำได้มากขึ้น
สวีเดนและเดนมาร์ค: การเชื่อมโยงสู่เศรษฐกิจชุมชน
กระจายอำนาจการศึกษาโดยให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาที่เชื่อมต่อกับวิถีชีวิตของชุมชน
ซึ่งอาชีพหลักของชุมชนต่าง ๆ
คือการเกษตรที่เน้นการพึ่งพาตนเองและพัฒนาตามเอกลักษณ์ของชุมชนนั้น ๆ
โดยให้แต่ละท้องถิ่นสามารถพัฒนาหลักสูตรได้อย่างหลากหลาย
เชื่อมโยงวิทยาการสมัยใหม่กับสมัยเก่า และการเรียนรู้ร่วมกับสถานประกอบการ ชุมชน
และภาคเอกชน ทำให้การจัดการศึกษาสอดคล้องกับความต้องการของชุมชน
และเป็นการสร้างคนป้อนเข้าสู่ชุมชน
ประเทศที่การกระจายอำนาจก่อเกิดปัญหา
เยอรมันนี: ความแตกต่างด้านมาตรฐานการศึกษาและเพิ่มงบจากส่วนกลาง
มีการกระจายอำนาจทางการศึกษาให้กับแต่ละรัฐเป็นผู้บริหารและดูแลโรงเรียน
แต่มีรายงานว่าปัจจุบันรัฐบาลกลางต้องสนับสนุนงบประมาณในการจัดการศึกษามากกว่าร้อยละ
70 ของงบประมาณสนับสนุนการศึกษาทั้งหมด มีการวิเคราะห์ว่า
อาจเป็นเพราะสภาพการเป็นอิสระในการจัดการศึกษาของแต่ละรัฐที่ต่างกันออกไป
ทำให้ประสบปัญหาเกี่ยวกับความต่างของมาตรฐานทางการศึกษา
ปัจจุบันรัฐบาลกลางจึงได้ทุ่มงบประมาณสนับสนุนด้านการศึกษาที่มากขึ้นทุกปี
เพื่อสร้างมาตรฐานการศึกษาของชาติขึ้นมา
สเปน: ความสั่นคลอนความมั่นคงและเสถียรภาพการปกครอง
แม้มีการให้อิสระในการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างมาก
แต่เนื่องจากสภาพการเป็นแคว้นอิสระต่าง ๆ ของสเปน
จึงก่อให้เกิดปัญหาการจัดการศึกษาที่อาจจะส่งผลให้เกิดความสั่นคลอนความมั่นคงและเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลกลางอย่างมาก
จนในที่สุดรัฐบาลได้พยายามหาวิธีการรวบอำนาจการศึกษากลับมายังส่วนกลางมากขึ้น
เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการศึกษาในการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพทางการเมือง
และการอยู่รวมเป็นชาติเดียวกัน
นิวซีแลนด์: ความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพการศึกษาระหว่างชุมชนร่ำรวย-ยากจน
มีการกระจายอำนาจการศึกษาไปสู่สถานศึกษาโดยตรง โดยผ่านคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ โรงเรียนในชุมชนร่ำรวยหรือปานกลาง
ผู้ปกครองจะสนับสนุนช่วยเหลือโรงเรียนอย่างดี เพราะมีความพร้อมทั้งด้านการศึกษา
ความคิด การเงินและให้ความสนใจผลการเรียนของเด็ก
รวมถึงคณะกรรมการบริหารโรงเรียนมีความพร้อม อีกทั้งสภาพปัญหาการเรียนมีน้อย
ในขณะที่โรงเรียนในชุมชนยากจน ผู้ปกครองมีความจำกัด คณะกรรมการมีศักยภาพน้อย
ครูจำนวนมากไม่อยากไปสอนในโรงเรียนกลุ่มนี้
สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ผู้บริหารสถานศึกษารับภาระหนักมากขึ้น จนต้องลาออกถึงร้อยละ 20
หลังปฏิรูปการศึกษา เกิดความไม่ทั่วถึงในการได้รับความช่วยเหลือด้านวิชาการจากรัฐ
อีกทั้งการที่คณะกรรมการสถานศึกษามีอำนาจเต็มในการบริหารโรงเรียน
หากการตัดสินใจอยู่บนพรรคพวกและอิทธิพล
จะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งและขาดการยอมรับจากผู้เกี่ยวข้องได้
บราซิล: ความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพและโอกาสการศึกษาและการอพยพสู่เมือง
บราซิลกระจายอำนาจการจัดการศึกษาให้ท้องถิ่นจัดการ
ด้วยงบประมาณที่รัฐจัดให้บางส่วนและให้ท้องถิ่นจัดหาเพิ่มเติม แต่พบว่า
ท้องถิ่นที่ยากจนจะมีคุณภาพทางการศึกษาต่ำ งบไม่เพียงพอ ขาดแคลนครูและผู้บริหาร
บางสถานศึกษาต้องปิดตัวลง ผู้เรียนต้องเดินทางไกลเพื่อไปเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพ
และทำให้ครอบครัวไม่ส่งเด็กเข้าโรงเรียน และการออกจากโรงเรียนกลางคัน อย่างไรก็ตาม
รัฐบาลได้พยายามแก้ปัญหาเหล่านี้บ้างแล้ว โดยให้เงินสนับสนุนครอบครัวที่มีฐานะไม่ดี
ที่มีลูกในวัยเรียน
จากประสบการณ์ข้างต้น นับเป็นบทเรียนหนึ่งที่ประเทศไทยสามารถเรียนรู้และต่อยอดได้
ซึ่งหากจะเชื่อมโยงประสบการณ์ของต่างประเทศ
ทั้งที่ประสบความสำเร็จและก่อปัญหาเข้าสู่การจัดการศึกษาไทย
ผมขอเสนอเป็นประเด็นคำถาม ที่อาจนำไปสู่การแสวงหาคำตอบ
หาแนวทางพัฒนาวิธีการกระจายอำนาจการศึกษาไทย
โดยผู้เกี่ยวข้องควรลองขบคิดเกี่ยวกับคำถามที่ว่า
การกระจายอำนาจทางการศึกษาของไทย
จะคุมคุณภาพในการศึกษาให้ได้มาตรฐาน โดยให้เกิดความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุดได้อย่างไร
จะทำอย่างไรให้ประชาชนและภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
จะเกิดปัญหาการขัดผลประโยชน์หรือการแทรกแซงของภาคการเมืองท้องถิ่นหรือไม่
จะป้องกันและแก้ไขอย่างไร
จะสามารถเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจชุมชนได้หรือไม่
จะทำอย่างไรให้การกระจายอำนาจการศึกษามีส่วนพัฒนาผู้เรียนให้จบแล้วมีงานทำ
จะทำให้เกิดการอพยพไปยังพื้นที่ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีศักยภาพในการสนับสนุนทางการศึกษาได้ดีกว่าหรือไม่
และมีแนวทางแก้ไขและป้องกันอย่างไร
จะส่งผลสั่นคลอนความมั่นคงเสถียรภาพการปกครองหรือไม่
จะทำอย่างไรให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุด
นอกจากนั้น ยังมีประเด็นคำถามที่สังคมไทยตั้งโจทย์ไว้และเป็นกระแสวิพากษ์อย่างมาก
คือการกระจายอำนาจทางการศึกษาจะนำสู่ ปัญหาการทุจริตหรือไม่
และจะหาทางป้องกันและแก้ไขอย่างไร เป็นต้น ผมหวังว่าตัวอย่างคำถามเหล่านี้
เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะต้องหาคำตอบ
โดยเป็นการตอบที่นำสู่การหาแนวทางแก้ปัญหาและพัฒนา การกระจายอำนาจทางการศึกษาไทย
|