เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ในวันศุกร์ที่
29
มิถุนายน
ที่ผ่านมา
พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร
รักษาการนายกรัฐมนตรี
เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ
เพื่อชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงานในช่วงรัฐบาลรักษาการ
โดยส่วนหนึ่งของคำกล่าวของรักษาการนายกฯ
ที่ระบุว่า”บุคคลที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเข้ามาวุ่นวายในรัฐธรรมนูญมากเกินไป
ไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง
ไม่เคารพกติกาหลายฝ่ายหลายองค์กร
ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองตามหน้าที่
บางคนไม่พอใจกติกา
จะขอให้แก้กติกานอกระบบประชาธิปไตย
นอกระบบรัฐธรรมนูญ
ซึ่งเป็นไปไม่ได้”
ได้กลายเป็นข้อวิวาทะที่ร้อนแรงในสังคม
ผมจะขอไม่วิเคราะห์ว่า
“บุคคลที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ”
ที่รักษาการนายกฯ
กล่าวถึงนั้นหมายถึงใคร
เพราะสังคมได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างกว้างขวางแล้ว
แต่ขอกล่าวถึงลักษณะการพูดรักษาการนายกฯ
ที่ผมเห็นว่าท่านนายกฯ
และคนใกล้ชิดของท่าน
ต้องเร่งทบทวนและปรับปรุงถ้อยคำที่จะสื่อสารออกมา
เพราะคำพูดของท่านไม่ว่าจะพูดอย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
อาจสร้างความแตกแยกให้กับสังคมไทย
มากกว่าสร้างความสมานฉันท์ให้กับสังคม
การที่ผมกล่าวเช่นนี้
ผมไม่ได้กล่าวอย่างเลื่อนลอยไร้หลักฐาน
แต่แฟนพันธุ์แท้ของท่านนายกฯ
สามารถย้อนรำลึกคำพูดของท่านได้
อาทิ
เมื่อครั้งประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ที่
จ.นครสวรรค์
นายกฯ
กล่าวว่า
“จังหวัดไหนที่เลือกพรรคไทยรักไทย
จะดูแลจังหวัดนั้นเป็นพิเศษ”
ซึ่งเป็นคำพูดที่ส่อถึงการแบ่งพวกและเลือกปฏิบัติต่อประชาชนอย่างชัดเจน
หรือในกรณีที่นายกฯ
กล่าวว่า
“เหตุความรุนแรงใน3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่สงบ
เพราะ
มีหนูมาก
แต่แมวมีน้อย”
การกล่าวเช่นนี้เหมือนเพิ่มเชื้อไฟของความรุนแรงใน
3
จังหวัดชายแดนภาคใต้
เพราะนัยหนึ่ง
คือ
การดูถูกว่ากลุ่มคนที่ก่อความรุนแรงเป็นเพียงหนูที่เป็นเหยื่อรอแมวมาจัดการ
ซึ่งในความเป็นจริง
ผมไม่คิดว่าการจัดการกับปัญหาภาคใต้ไม่ง่ายขนาดนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
คำพูดของรักษาการนายกฯในครั้งนี้ที่กล่าวถึง
“บุคคลที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ”
ก่อให้เกิดการตีความตามความคิดและความเข้าใจของแต่ละฝ่าย
ทำให้สถานการณ์การเมืองแย่ลงไปกว่าเดิม
ที่เห็นได้ชัด
ผมเห็นสังคมแบ่งออกเป็น
2
ฝ่าย คือ
ฝ่ายที่เห็นว่าคำพูดของนายกฯ
ไม่เหมาะสมหรือกำลังพาดพิงถึงบุคคลที่ตนเคารพนับถือ
อาทิ
อดีตพรรคฝ่ายค้าน
กลุ่มราชินีกุล
กลุ่มพันธมิตรฯ
รักษาการวุฒิสมาชิก
ฯลฯ
กับฝ่ายที่เห็นว่านายกฯ
ออกมาพูดในจังหวะที่เหมาะสม
เช่น
นายสมัคร
สุนทรเวช
ผมเห็นว่า
ในฐานะผู้นำของประเทศ
พ.ต.ท.
ทักษิณ
ชินวัตร
ต้องระมัดระวังการสื่อสารในทุกประเด็นอย่างรอบคอบ
เพราะทุกการสื่อสารของรักษาการนายกฯ
เป็นสิ่งที่ประชาชนสนใจ
และมีผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง
และผมไม่อยากคิดว่าการพูดในครั้งนี้ของรักษาการนายกมาจากความตั้งใจอย่างที่หลายฝ่ายพูดกัน
เพราะหากเป็นเช่นนั้น
แสดงว่ารักษาการนายกฯ
ตั้งใจจะทำให้สังคมแตกแยก
ตั้งใจส่งสัญญาณเป็นฝ่ายตรงข้ามกับผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญนั่นเอง
|