ปัญหางูกินหางกรณีผู้ว่า สตง.
เป็นเพราะองค์กรที่เกี่ยวข้องไม่รับผิดชอบบทบาทหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด
ผมเห็นว่าปัญหาที่จบไม่ลงในกรณีการสรรหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
(สตง.)นั้นต้นเหตุสำคัญอาจมาจากการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นไม่ทำบทบาทหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดตั้งแต่แรกเริ่มจึงส่งให้เกิดปัญหาต่าง
ๆ
ตามมาเป็นลูกโซ่และทำให้ผู้รับผิดชอบในขั้นสูงขึ้นไปต้องพลอยรับร่างแหและความเดือนร้อนตามมาอย่างไม่มีจบสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น
กระบวนการสรรหาผู้ว่า สตง.
ของ คตง.
ที่ไม่ได้พิจารณาอย่างมีจุดยืนว่าจะยึดตามระเบียบของ คตง.
ที่ให้มีการเสนอรายชื่อมาเพียงคนเดียวให้วุฒิสภาเลือก
หรือจะยึดตาม พ.ร.บ.
การตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542
ตามมาตรา 30
ที่ให้เสนอเป็นบัญชีรายชื่อเพื่อให้วุฒิสภาดำเนินการเลือกในขั้นต่อไป
ส่งผลให้เกิดเป็นชนวนความขัดแย้งสำคัญว่าแท้จริงแล้วคุณหญิงจารุวรรณได้รับการสรรหามาอย่างถูกต้องหรือไม่
ตามกฎระเบียบในข้อใด
นอกจากนี้การที่
สตง.
ตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างไม่พิจารณาให้ดีและรอบคอบเพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเชื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าวที่ว่า
คุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกาได้รับการสรรหามาเป็นผู้ว่า สตง.
ในกระบวนการของวุฒิสภาไม่เห็นชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นที่ผ่านมาจึงเสมือนหนึ่งไม่เคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวเลย ทั้ง ๆ
ที่โดยอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถวินิจฉัยในลักษณะเช่นนี้ได้
วุฒิสภาไม่ได้ทำหน้าที่ในการการกลั่นกรองอย่างดีเพียงพอ
ขาดจุดยืนในการตัดสินใจตั้งแต่แรกเริ่มในการเลือกผู้ว่า สตง.
โดยมีการเปลี่ยนมติไปมาตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่ได้พิจารณาตีความข้อกฏหมายต่าง
ๆ อย่างละเอียดรอบคอบก่อนนำรายชื่อทูลเกล้าถวายในหลวงในการลงพระปรมาภิไท
ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการวินิจฉัยเกินกว่าขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่ตนพึงกระทำได้
ส่งผลให้ผลการวินิจฉัยดังกล่าวได้ถูก คตง.นำไปกล่าวอ้างในการปลดตำแหน่งผู้ว่า
สตง. คนเก่า และดำเนินการคัดสรรผู้ว่า สตง. คนใหม่
ด้วยเข้าใจไปว่าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นการชี้ขาดแล้ว
นอกจากนี้องค์กรที่เกี่ยวข้องดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ขาดความเป็นเอกภาพกันอย่างชัดเจนทั้งความขัดแย้งกันเองภายในองค์กรและระหว่างองค์กรที่ต่างฝ่ายต่างบอกปัดที่จะรับผิดชอบในเรื่องนี้โดยโยนลูกให้แก่กันเป็นทอด
ๆ เป็นงูกินหาง ตั้งแต่
วุฒิสภา
ที่กล่าวว่าว่าบทบาทหน้าที่ของตนได้จบลงไปแล้วหลังจากที่นายวิสุทธิ์ได้ลาออกไป
หน้าที่ต่อไปจึงตกอยู่กับ คตง
ต่างหาก เช่นเดียวกับ คตง.
ที่ได้โยนลูกต่อให้ สตง
นำกลับไปพิจารณาถึงประเด็นถกเถียงที่เป็นปัญหาทั้งหมดอีกครั้งภายในระยะเวลา
10 วัน ฯลฯ
การทำงานอย่างไม่รอบคอบ
ขาดความเป็นเอกภาพ
และไม่รับผิดชอบอย่างถึงที่สุดนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ประเทศชาติต้องได้รับความเสียหายจากภาวะสุญญากาศในตำแหน่งเท่านั้น
แต่เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงการที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ทำบทบาทหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดจริงก่อนที่จะถวายงานขึ้นไปสู่สถาบันสูงสุดซึ่งได้ไว้วางใจมอบพระราชอำนาจของพระองค์ให้เราดูแลด้วยปรารถนาให้ผู้ที่รับพระราชอำนาจนั้นทำงานอย่างเต็มที่ด้วยหัวใจที่รักและห่วงใยประเทศชาติอย่างแท้จริง