เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ถึงบัดนี้
กระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองรอบสองได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างจริงจัง
เริ่มตั้งแต่การเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา
313
โดยเปิดพื้นที่ให้ประชาชน
นักวิชาการ
นักวิชาชีพ
บุคลากรจากระบวนการยุติธรรม
และผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง
ๆ
ที่มีความเป็นกลางทางการเมือง
ได้เข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขและยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
แทนบทบาทของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรและสมาชิกวุฒิสภา
ทำไมเราต้องปฏิรูปการเมืองและแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทั้งที่เราต่างชื่นชมและยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับ
พ.ศ.2540
ถือกำเนิดมาจากแนวคิดในการปฏิรูปการเมืองที่มุ่งแก้ไขการเมืองทั้งระบบ
โดยทำให้ระบบการเมืองและระบบราชการมีความสุจริตและชอบธรรมในการใช้อำนาจ
การสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งให้กับฝ่ายบริหารและนายกรัฐมนตรี
ตลอดจนการขยายสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชน
หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
การปฏิรูปการเมืองรอบที่
1
ล้มเหลวเพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้ถูกบิดเบือนและละเมิด
นับตั้งแต่การแทรกแซงองค์กรอิสระจนทำให้พิกลพิการไม่สามารถทำงานตรวจสอบได้จริง
การแทรกแซงและคุกคามสื่อจากรัฐและผู้มีอำนาจทางการเมือง
จนทำให้สื่อขาดเสรีภาพและความกล้าในการตีแผ่และนำเสนอข้อเท็จจริงต่อสาธารณะอย่างถูกต้องและเป็นธรรม
ขณะที่สิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญไม่ได้รับการคุ้มครองและยังถูกละเมิดจากภาครัฐเสียอีก
การไม่กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นปกครองตนเอง
แต่กลับเน้นรวมศูนย์อำนาจที่ผู้นำที่บริหารประเทศแบบพึ่งพาอุปถัมภ์
และประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ
ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ขาดความจริงจังในการป้องกันและปราบปรามอย่างเด็ดขาด
คงต้องยอมรับว่า
ส่วนหนึ่งที่ทำให้การปฏิรูปการเมืองครั้งที่
1
ล้มเหลว
เพราะภาคประชาชนและสังคมนั้นอ่อนแอ
ขาดการติดตามและตรวจสอบให้เจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญได้รับการปฏิบัติจริงมากกว่าเพียงการบัญญัติไว้เป็นตัวหนังสือในแต่ละมาตราเท่านั้น
ทำให้ฝ่ายการเมืองสามารถใช้อำนาจแทรกแซงองค์กรอิสระและบิดเบือนเจตนารมย์รัฐธรรมนูญ
จนทำให้การปฏิรูปการเมืองที่ผ่านมาล้มเหลวอย่างน่าเสียดาย
แต่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะ
ณ
ปัจจุบันนี้
ประชาชนมีความตื่นตัวและสนใจในทางการเมืองอย่างสูง
อันจะเห็นได้จากปรากฏการณ์สนธิและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ที่มีการออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลในการใช้อำนาจรัฐของฝ่ายการเมือง
การรณรงค์ขับไล่ผู้นำทางการเมืองอันเนื่องมาจากปัญหาจริยธรรมทางการเมือง
การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองรอบสอง
ตลอดจนการให้ความรู้ทางการเมืองจากผู้เชี่ยวชาญผ่านการชุมนุมในเวทีสาธารณะตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งผมคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่ทำให้เกิดขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมืองภาคประชาชนที่เข้มแข็ง
จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างมากมาย
ตั้งแต่การประกาศยุบสภา
การไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ
พ.ต.ท.ทักษิณ
รวมไปถึงกระแสการปฏิรูปการเมืองโดยให้มีการแก้ไขและยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
ด้วยเหตุดังนั้น
การปฏิรูปการเมืองรอบสองจะประสบความสำเร็จได้
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างกระแสให้ประชาชนเกิดความตื่นตัว
ไม่ปล่อยให้การปฏิรูปการเมืองอยู่ในมือของนักการเมืองหรือกลุ่มคนเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น
ภาคประชาชนอาจจะรวมตัวกันโดยอยู่ในรูปแบบพันธมิตร
สมัชชา
สมาพันธ์
สถาบันวิชาการ
โรงเรียน
สถานที่ทำงาน
และองค์กรต่าง
ๆ
ที่เชื่อมเครือข่ายระหว่างกันให้กลายเป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมขนาดใหญ่และกว้างขวางมากที่สุด
เพื่อที่จะทำให้สังคมไทยเกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิรูปการเมืองและสังคม
ประเด็นที่ประชาชนควรได้รับความรู้และความเข้าใจ
คือ
บทเรียนจากการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ
ความบกพร่องของรัฐธรรมนูญอันเนื่องมากจากการละเมิดและการแทรกแซงองค์กรอิสระ
การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครองไทย
และประชาชนยังควรร่วมกันเสนอทางออกในการปฏิรูปการเมือง
ตลอดจนการสร้างจิตสำนึกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
โดยผ่านทางเวทีสาธารณะ
สถาบันการศึกษา
สื่อมวลชน
เครือข่ายองค์กรต่าง
ๆ ซึ่งจะทำให้สังคมไทยเกิดความตื่นตัวและเป็นสังคมที่ร่วมกันคิด
และร่วมกันพัฒนาประเทศ
และเพื่อให้เป็นการเมืองที่ภาคประชาชนมีพลังอำนาจต่อรองสูง
ทุกภาคส่วนสามารถมีส่วนร่วมได้
โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยอัศวินม้าขาวหรือชนชั้นนำทางการเมืองเท่านั้น
|