เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ของนิสิตนักศึกษาจากแต่ละสถาบันอุดมศึกษาเป็นข่าวเกรียวกราว
สะท้อนปัญหาและสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงให้เห็นเป็นประจำทุกปี
ถึงกระนั้นยังมีข้อถกเถียงแยกออกเป็นสองฝ่ายอยู่เสมอ
คือฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยว่ากิจกรรมรับน้องยังมีข้อดีหลายประการ
และควรธำรงรักษาไว้ต่อไป
ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่เห็นว่ากิจกรรมรับน้องที่จัดกันอยู่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ที่เพิ่งเอ็นทรานซ์เข้าไปเรียนในระดับอุดมศึกษาแต่อย่างไร
หากพิจารณาในแง่ของกิจกรรม
การรับน้องนับว่าช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้เด็กวัยนี้
ได้มีโอกาสที่จะแสดงออกและปลดปล่อยพลังของตนออกมา
ทั้งด้านร่างกาย
อารมณ์
จิตใจ
และสังคม
แต่ในส่วนของความคิดและอารมณ์นั้น
วัยนี้ยังขาดการยับยั้งชั่งใจที่ดีพอ
ในขณะเดียวกันยังเป็นวัยที่มีความจงรักภักดีในกลุ่มพวกพ้องของตน
กลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่จึงมีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อเด็กวัยนี้อย่างมาก
ซึ่งสอดคล้องกับโครงการวิจัย
การประมวลสถานการณ์
ปัญหาเด็กในมิติทางวัฒนธรรมฯ
โดย ดร.อมรวิชช์
นาครทรรพ
ที่กล่าวว่าเด็กไทยชอบความเสี่ยง
มีความกล้า
รักสนุก
ทำให้กิจกรรมรับน้องเกิดขึ้นมาแล้วสามารถอยู่ได้นาน
ผมมองว่าเราสามารถทำให้ประเพณีการรับน้องอยู่ในร่องในรอยได้
สำคัญอยู่ที่หลักคิด
ซึ่งผมเสนอว่า
เราควรจะให้เสรีภาพแก่เด็กในการทำกิจกรรมตามที่เขาต้องการ
โดยไม่นำกรอบความคิดของผู้ใหญ่ไปครอบไว้
แต่ในขณะเดียวกันต้องมีมาตรการทำให้เขามีความรับผิดชอบควบคู่ไปกับการกระทำด้วย
คือหากทำไม่ดี
ย่อมต้องรับโทษที่มีน้ำหนักมากเพียงพอให้คนทำผิดไม่กล้าและไม่เสี่ยงที่จะทำผิด
นั่นคือการให้ทั้งเสรีภาพและความรับผิดชอบควบคู่ไปด้วยกัน
และควรเป็นมาตรการที่ช่วยป้องกันและดักปัญหาไว้ล่วงหน้าด้วย
มาตรการที่พูดถึงนี้คือ
การนำกิจกรรมรับน้องเข้าไปสู่ระบบหน่วยกิต
เป็นการนำระบบที่มีอยู่แล้วมาใช้ควบคุมความประพฤติของนิสิต
นักศึกษาในกิจกรรมรับน้องโดย
การเพิ่มวิชากิจกรรมรับน้องไว้ในหลักสูตรสำหรับรุ่นพี่
โดยอยู่ภายใต้หลักสูตรที่ใช้อยู่แล้ว
แต่มีความสำคัญมากพอที่จะควบคุมนิสิต
นักศึกษาได้
คือนิสิตนักศึกษาทุกคนก่อนสำเร็จการศึกษาจะต้องได้รับเกรดในวิชานี้
อย่างน้อยที่ระดับ
C
หากรุ่นพี่คนใดไม่ประสงค์จะจัดกิจกรรมรับน้อง
ยังมีทางเลือกในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมอื่น
ๆ
ของสถาบัน
โดยรับการประเมินเกรดเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้รุ่นพี่ที่ลงทะเบียนวิชาดังกล่าวต้องร่วมกันนำเสนอแผนงานต่ออาจารย์ประจำวิชาหรืออาจารย์กิจการนิสิตนักศึกษา
เพื่อให้อาจารย์ประเมิน
รับรองและมีส่วนร่วมสอดส่องดูแลการจัดกิจกรรมอย่างเหมาะสมต่อไป
อีกทั้งกิจกรรมที่จัดขึ้นควรเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมเช่น
เข้าร่วมสังเกตการณ์กิจกรรม
การเป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์
ทรัพยากรแก่กิจกรรมที่จัดขึ้น
การให้รุ่นน้องมีส่วนร่วมให้คะแนนรุ่นพี่
กล่าวคือ
รุ่นน้องปีหนึ่งที่เข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง
เป็นผู้ร่วมให้คะแนนรุ่นพี่ที่จัดกิจกรรม
ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเรื่องอิทธิพลของรุ่นพี่ต่อรุ่นน้องได้
เพราะมีการคานอำนาจโดยให้รุ่นน้องมีส่วนให้คะแนนรุ่นพี่ได้อย่างมีพลัง
เช่น
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์กิจการนิสิตนักศึกษาเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์
แบบประเมินการให้คะแนนรุ่นพี่
และให้รุ่นน้องร่วมประเมิน
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาการตัดเกรดโดยอาจารย์เจ้าของวิชา
แบบทดสอบดังกล่าวควรวัดการจัดกิจกรรมที่สะท้อนเหตุผลเบื้อหลังของการจัดกิจกรรมรับน้อง
ทั้งในแง่ของการให้รุ่นน้องได้รู้จักกันและกัน
มีความสามัคคีในหมู่คณะ
รู้จักกฎระเบียบของการอยู่ร่วมกัน
ตลอดจนกิจกรรมนั้นต้องทำให้รุ่นพี่ได้รับการพัฒนาทักษะในด้านต่าง
ๆ
และสามารถรวมรุ่นพี่รุ่นน้องให้รู้จักกันและกันมากขึ้น
การให้คะแนนดังที่กล่าวมาจึงส่งผลให้รุ่นพี่ต้องคิดดำเนินกิจกรรมให้สามารถสื่อความหมายที่ดี
เพื่อสร้างความประทับใจแก่รุ่นน้อง
และยังคงหลักการเบื้องหลังของการจัดกิจกรรมการรับน้องได้อย่างครบถ้วน
การถกเถียงในประเด็นว่า
การรับน้องควรจะมีต่อไปหรือไม่
กิจกรรมใดดีหรือไม่ดี
มีวิธีควบคุมหรือป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่เสี่ยง
เสียหาย
หรือไม่ถูกต้องได้อย่างไร
ฯลฯ
คงเป็นการยากที่จะหาข้อสรุปได้ลงตัวในประเด็นคำถามทั้งหมด
แต่สิ่งสำคัญคือ
วิธีคิดในการหาทางออกที่จะทำให้เกิดความสมดุลระหว่างความต้องการของทั้งสองฝ่าย
และตอบปัญหาข้อข้องใจหรือข้อถกเถียงในประเด็นปัญหาการรับน้องให้กับสังคมได้มากถึงระดับหนึ่ง
โดยไม่ได้ใช้วิธีการแบบ
คุณพ่อรู้ดี
ในการจัดการกับปัญหาอย่างเป็นสูตรสำเร็จในทุกเรื่อง
|