เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
นายวิเศษ
จูภิบาล
รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เปิดเผยว่า
ภายในระยะเวลา 2 เดือนนี้กระทรวงพลังงานจะประกาศลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม
(แอลพีจี)
ทั้งที่ใช้ในรถยนต์และครัวเรือน
จากเดิมที่จะปรับเฉพาะแอลพีจีสำหรับรถยนต์
โดยให้เหตุผลว่า
หากลอยตัวเฉพาะแอลพีจีสำหรับรถยนต์อาจเกิดการลักลอบนำแอลพีจีสำหรับการหุงต้มไปใช้รถยนต์
ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้
ผมคิดว่าเหตุผลที่กระทรวงพลังงานจะลอยตัวราคาก๊าซหุ้งต้มในครัวเรือนด้วยนั้น
เป็นเหตุผลที่ไม่เพียงพอสำหรับการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม
เมื่อเปรียบเทียบกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
เนื่องจากก๊าซหุงต้มเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในปัจจุบัน
เพราะครัวเรือนจำนวนมากต้องใช้ก๊าซเพื่อหุงหาอาหาร
รวมทั้งผู้ประกอบการหรือกิจการอีกจำนวนมากที่ต้องใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นปัจจัยหลักในการผลิต
เช่น
โรงแรม
ภัตตาคาร
ร้านอาหารทั้งเล็กและใหญ่ทั่วประเทศ
เป็นต้น
สำหรับนโยบายในครั้งแรกของกระทรวงพลังงานคือการจะยกเลิกการอุดหนุนเฉพาะภาคขนส่ง
ผมเห็นว่ามีเป็นมาตรการที่พอรับได้
เนื่องจากก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งนั้นถือว่าเป็นสินค้าประเภทฟุ่มเฟือย
และผู้ที่จะได้รับผลกระทบมีไม่มากนัก เช่น กลุ่มผู้ประการรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ติดตั้งระบบก๊าซแอลพีจี
เป็นต้น
โดยผู้ขับรถแท็กซี่และรถตุ๊กตุ๊กนั้นสามารถผลักภาระให้กับผู้บริโภคที่มีความสามารถในการจ่ายได้
และผู้ที่มีรถยนต์ส่วนบุคคลยังมีทางเลือกในการใช้พลังงานและบริการประเภทอื่น
ๆ ได้
เช่น การหันไปใช้ระบบขนส่งมวลชน หรือใช้ยานยนต์ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี
เป็นต้น
ในทางตรงข้าม
ก๊าซหุงต้มถือเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นตามที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น
การยกเลิกการอุดหนุนเท่ากับว่า
ผู้บริโภคกลุ่มนี้ซึ่งเป็นประชาชนกลุ่มใหญ่จะไม่มีทางเลือกในการใช้พลังงานอื่นเลย
นอกจากนี้ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น
ส่งผลกระทบต่อภาวะค่าครองชีพของประชาชน เพราะราคาอาหารจะสูงขึ้นและภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของครัวเรือนจะสูงขึ้น
ซึ่งจะกดดันให้ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงขึ้นอีก
จากเดิมที่อัตราเงินเฟ้อ
7
เดือนแรกของปีนี้สูงถึงร้อยละ
5.7 แล้ว
ผมเสนอว่ารัฐบาลไม่ควรลอยตัวค่าก๊าซแอลพีจีสำหรับภาคครัวเรือนในช่วงเวลานี้
เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากค่าครองชีพและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากอยู่แล้วแต่หากรัฐบาลเลิกอุดหนุนก๊าซแอลพีจีอีก
จะทำให้ค่าราคาก๊าซแอลพีจีเพิ่มขึ้นจาก 16.81
บาท เป็น
22.81
บาทต่อกิโลกรัม
หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
35
เลยทีเดียว
ข้ออ้างของรัฐบาลที่ว่า
หากลอยตัวเฉพาะรถยนต์อาจเกิดการลักลอบนำแอลพีจีสำหรับหุงต้มไปใช้ในรถยนต์ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้นั้น
เป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้
หากรัฐบาลมีความจริงใจที่จะช่วยเหลือประชาชนจริง
ๆ แล้ว
รัฐบาลควรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มซึ่งเป็นกลไกที่รัฐมีอยู่แล้ว
พร้อมทั้งกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงเอาผิดกับผู้ฝ่าฝืน
แม้มาตรการขึ้นราคาแอลพีจีอาจจะก่อให้เกิดปัญหาการลักลอบถ่ายเทก๊าซหุงต้ม
แต่ในความเป็นจริงปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นอยู่แล้วในปัจจุบัน
ถึงกระนั้นรัฐบาลไม่ได้พยายามหาทางแก้ปัญหา
แต่กลับใช้ปัญหานั้นเป็นข้ออ้างในที่ฟังดูเหมือนจะดี
เพื่อซ้ำเติมประชาชนที่ไม่มีทางเลือก
|