“วันสตรีสากล” 8 มีนาคมที่ผ่านมา สตรีทั่วโลกจากทุกหน่วยงานทุกองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต่างร่วมใจกันร้องขอในสิทธิของตนที่ถูกจำกัดไว้อย่างไม่เป็นธรรม เครือข่ายสตรีในประเทศไทย 28 องค์กรเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายดูแลผลประโยชน์ของแรงงานสตรีเป็นพิเศษในเรื่องค่าจ้างแรงงาน สวัสดิการการรักษาพยาบาล ความปลอดภัยในการทำงาน และการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเชิงนโยบายของภาครัฐ ฯลฯ  องค์กรต่อต้านการทารุณกรรมโลก ได้เรียกร้องให้สตรีทั่วโลกที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงได้รับการคุ้มครองทางกฏหมายในกรณีถูกละเมิดสิทธิด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเพศ

สำหรับประเทศไทยหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่ทำงานด้านสิทธิสตรี ต่างพร้อมใจส่งเสริมบทบาทและสถานภาพของสตรีให้ทวีเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งพยายามที่จะขจัดปัญหาความรุนแรงที่มีต่อสตรีให้หมดไปอย่างเร่งด่วน  อาทิ…การออกกฎหมายที่เอื้อให้สตรีสามารถเข้าถึงสิทธิต่าง ๆ ได้อย่างเท่าเทียมกันกับบุรุษ…การเสนอให้ประเด็นค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ …การพยายามแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 276 ไม่ให้สามีมีสิทธิในการข่มขืนภรรยาของตน ฯลฯ

อย่างไรก็ตามสตรีอีกกลุ่มหนึ่งที่เราควรช่วยให้ได้รับความเป็นธรรมในสังคม คือ กลุ่มสตรีที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ จนตัดสินใจทำแท้ง ทิ้ง หรือฆ่าทารก กลายเป็นแม่ใจยักษ์เป็นที่ถูกประนามของสังคมและความผิดตามกฎหมายทั้งหมดตกอยู่กับเธอเพียงฝ่ายเดียว

การพยายามผลักดันให้การทำแท้งเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย ไม่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ ภาระทั้งหมดยังคงตกหนักอยู่ที่ฝ่ายหญิงเท่านั้น ซึ่งเป็นการไม่ยุติธรรม ฝ่ายชาย (พ่อของลูก) ผู้ที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงต้องตัดสินใจทำเช่นนี้สมควรที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน 

ดังนั้นผมจึงเสนอว่า ควรมีการแก้ไขกฎหมายให้ผู้ชายมีส่วนรับผิดร่วมด้วยในกรณีฝ่ายหญิงไปทำแท้ง ทอดทิ้งหรือฆ่าทารก รวมทั้งให้ฝ่ายชายต้องรับผิดชอบในการดูแลทารกที่เกิดมา หากพิสูจน์ได้ว่าทารกนั้นเป็นบุตรของตน มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษตามกฎหมายหากปล่อยให้ฝ่ายหญิงดูแลลูกแต่เพียงลำพัง