เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
สิ่งที่สังคมเฝ้าจับตามองขณะนี้คือ
การได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานในการจัดทำให้แล้วเสร็จ
ความคาดหวังของประชาชนต่อรัฐธรรมนูญนี้
คือ
การคงไว้เรื่องสิทธิเสรีภาพ
การเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากขึ้น
หากพิจารณาจากรัฐธรรมนูญฉบับ
2540
ที่เกิดจากประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันระดมสมอง
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
และประมวลข้อเสนอแนะที่หลากหลาย
ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
โดยเฉพาะในประเด็นเรื่อง
สิทธิทางการเมืองภาคประชาชน
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้น
อย่างที่ไม่เคยมีในรัฐธรรมนูญฉบับไหนมาก่อน
ในทางปฏิบัติกลับพบว่า
ตลอดระยะเวลา
9
ปีที่ผ่านมา
พบว่า
ประชาชนยังไม่มีส่วนร่วมทางการเมืองเท่าที่ควร
อาจเนื่องมาจากกระบวนการในการดำเนินการไม่สนับสนุนให้บรรลุผลตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
อาทิเช่น
การที่ประชาชนใช้สิทธิในการเสนอกฎหมาย
หรือการใช้สิทธิในการถอดถอนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกวุฒิสภา
สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารระดับสูง
ในภาคปฎิบัติพบว่า
ประชาชนไม่สามารถเป็นผู้ดำเนินการได้ด้วยตนเอง
หากประชาชนต้องการใช้สิทธิในเรื่องดังกล่าว
ต้องผ่านระเบียบและขั้นตอนในการยื่นเสนอเรื่องที่มีความยุ่งยาก
รวมถึงประชาชนที่เป็นผู้เสนอร่างกฎหมายกลับไม่มีสิทธิเข้าไปเสนอหลักการในรัฐสภา
โดยต้องทำผ่านนักการเมือง
และเมื่อถึงที่สุดกระบวนการในการตัดสินใจสุดท้ายยังขึ้นอยู่กับการเมืองในระบบ
คือพรรคการเมือง
และ
นักการเมือง
การให้ประชาชนมีสิทธิตั้งพรรคการเมือง
แต่กลับไม่มีพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
ทั้งนี้อาจมาจาก
เงินที่ได้รับอุดหนุนจาก
กกต.
ไม่เพียงพอต่อการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
เป็นการเปิดช่องให้กับกลุ่มนายทุน
หรือบุคคลบางกลุ่ม
เข้ามามีอิทธิพลในพรรค
ผ่านการบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองก้อนโต
นอกจากนี้
หลักเกณฑ์ของการจัดตั้งพรรค
ได้กำหนดให้พรรคการเมืองต้องหาสมาชิก
5,000
คนใน
4
ภาคและตั้งสาขาพรรคอย่างน้อยภาคละ
1
สาขา
ภายใน
180
วัน
นับแต่วันจดทะเบียนตั้งพรรค
หากหาสมาชิกหรือตั้งสาขาพรรคไม่ครบตามกำหนด
จะต้องยุบพรรค
ระเบียบและขั้นตอนของการจัดตั้งพรรคที่มีความยุ่งยากซับซ้อนในทางปฏิบัติ
จึงทำให้การจัดตั้งพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนมีความเป็นไปได้ยาก
จากที่กล่าวมา
ผมเห็นว่า
หากต้องการให้เกิดพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชน
ควรต้องมีการทบทวนขั้นตอนและเงื่อนไขในบางเรื่องเสียใหม่
เพื่อให้การดำเนินการจัดตั้งพรรคเป็นไปได้ง่ายขึ้น
และเงินสนับสนุนพรรคการเมืองควรมาจากประชาชน
มิใช่จากนายทุนเป็นส่วนใหญ่
ในสมัยที่ผมเป็น
ส.ส
ได้
เตรียมเสนอมาตรการภาษี
โดยที่ผู้บริจาคเงินแก่พรรคการเมืองมีสิทธินำเงินบริจาคไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนและพัฒนาพรรคการเมือง
ให้เป็นของประชาชน
ไม่จำกัดอยู่ในกลุ่มนายทุนแต่เพียงบางกลุ่ม
ดังนั้นสิ่งที่เราควรเรียนรู้จากตลอด
9
ปีของการใช้รัฐธรรมนูญ
2540
คือ
การนำประเทศไปสู่การเป็นสังคมประชาธิปไตยนั้น
ไม่เพียงมีรัฐธรรมนูญที่ระบุถึงการให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน
แต่กลับไม่เอื้อให้ประชาชนได้รับสิทธิอย่างเต็มที่มากนัก
เนื่องจากไม่มีกระบวนการที่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะมารองรับในทางปฏิบัติ
ด้วยเหตุนี้การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในครั้งนี้
จึงควรดำเนินการอย่างรอบคอบ
นอกจากจะมีเนื้อหารับรองสิทธิทางการเมืองของประชาชนแล้ว
ยังต้องพยายามสร้างกลไกในการส่งผ่านแนวคิดไปสู่ภาคปฏิบัติอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้ภาคประชาชนสามารถเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองได้อย่างเต็มที่มากกว่าที่ผ่านมา
อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ให้เติบโตขึ้นในสังคมไทยอย่างรวดเร็ว
|