คนไทยเรามีสำนวนเพื่อสอนลูกหลานว่า
เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด
เพื่อสอนให้เด็กเชื่อฟังและเรียนรู้จากผู้ใหญ่ซึ่งมีประสบการณ์มาก่อน
การศึกษาประวัติศาสตร์แท้จริงแล้วจึงมีคุณค่า
เราสามารถจะเข้าใจปัจจุบัน และพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้จากประวัติศาสตร์
ผมจึงอยากนำเสนอการเปรียบเทียบรัฐบาลทักษิณ
กับรัฐบาลของประเทศอาเจนตินาในอดีต คือ รัฐบาลของฮวน เปรอง
เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจพฤติกรรมในปัจจุบันของผู้นำของไทยมากขึ้น
รวมทั้งรู้ชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นกับคนไทยในอนาคต
ฮวน เปรอง
ขึ้นสู่อำนาจเป็นประธานาธิบดีแห่งอาร์เจนตินา ในปี ค.ศ.
1946
หรือ พ.ศ.
2489
นโยบายของฮวน
เปรอง
นับว่าเป็นนโยบายที่
คิดใหม่
ทำใหม่
ในยุคนั้น
ประเทศอาร์เจนตินาต่างจากประเทศอื่นที่ประชากรส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นพวกเมติโซ
(Metizo)
หรือ
พวกลูกครึ่งสเปน-อินเดียนแดง
เหมือนอย่างประเทศในลาตินอเมริกาประเทศอื่น
แต่เป็นชาวสเปนซึ่งนับว่าเป็นชาติที่มีวินัยรองลงมาจากชาวแองโกลแซกซอน
(Anglo-Saxon)
เช่น
ชาวอังกฤษหรืออเมริกัน
นโยบายทางเศรษฐกิจของอาร์เจนตินาในยุคก่อนเปรองจึงค่อนข้างจะรักษาวินัยทางการเงินและการคลัง
การคิดใหม่
ทำใหม่ของฮวน เปรอง (ซึ่งร่วมคิดกับเอวา
เปรอง)
เป็นนโยบายที่นักวิชาการเรียกว่า
นโยบายประชานิยม
เน้นการแจกโดยตรง
เช่น ให้ที่ดินทำกิน ขึ้นค่าจ้างแรงงาน
เพิ่มสวัสดิการทางสังคม ฯลฯ ซึ่งโดนใจประชาชนระดับรากหญ้าอย่างยิ่ง
จนทำให้ประชาชนอาร์เจนตินาในสมัยนั้นรักประธานาธิบดีของเขาอย่างมาก
โดยไม่มีใครรู้เลยว่าอีกหลายปีต่อมา ขนมที่ได้รับแจกจากเปรองนั้น จะเป็นพิษและทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจตามมา
มิใช่เพียงเท่านั้น ผลที่ตามมาจากนโยบายประชานิยมของเปรอง ยังส่งผลระยะยาวถึงพฤติกรรมของชาวอาร์เจนตินา
ที่เริ่มขาดวินัยทางการเงิน
และมีความเป็นบริโภคนิยมมากขึ้น ปรากฎการณ์นี้อาจอธิบายด้วยทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับ
ปัญหาคุณธรรมวิบัติ
(moral hazard)
อันเป็นปรากฏการณ์ที่คนมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงมากขึ้นจากการที่มีผู้แบกรับความเสี่ยงให้แก่เขา
ซึ่งอธิบายได้ว่าประชาชนเกิดความคาดหวังว่า รัฐบาลจะเข้ามาช่วยเหลือ
ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายหนี้แทนให้
หรือแม้แต่ไม่มีเงิน รัฐบาลจะเติมเงินให้
ทำให้ประชาชนเกิดพฤติกรรมใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมากขึ้น
การที่รัฐบาลของเปรองทำให้ประชาชนได้บริโภคมากขึ้นดูเหมือนเป็นสิ่งที่ดี
แต่ปัญหาอยู่ที่ที่มาของเงินเหล่านั้น
เพราะเมื่อรัฐบาลต้องใช้จ่ายเพื่อแจกประชาชนมากขึ้น ยิ่งทำให้เกิดการขาดดุลการคลังมากขึ้น
การขาดดุลการคลังนำมาซึ่งปัญหาหนี้สาธารณะ
และปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์บางคนเชื่อว่า
เป็นสาเหตุของวิกฤติเศรษฐกิจ และทำให้รัฐบาลต้องขายรัฐวิสาหกิจ และเปิดเสรีให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนและครอบครองสินทรัพย์และกิจการในประเทศจนแทบหมดสิ้น
นอกจากปัญหาในเชิงเศรษฐกิจมหภาคแล้ว ยังมีผลกระทบในระดับปัจเจกชนตามมาอีกมากมาย
โดยสามารถอธิบายด้วยทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคได้ว่า
ผู้บริโภคจะมีพฤติกรรม จมไม่ลง
แม้มีรายได้ลดลง
ดังนั้นประชาชนอาร์เจนตินาซึ่ง
ติด
การรับเงินจากรัฐบาลเปรองแล้ว เมื่อรัฐบาล
ถังแตก
จนไม่มีเงินแจกอีกต่อไปแล้ว
ประชาชนอาร์เจนตินาจึงปรับตัวรับสภาพนี้ไม่ทัน ทำให้ประชาชนใช้จ่ายมากกว่ารายได้
จนเกิดเป็นปัญหาหนี้ครัวเรือนในที่สุด
เมื่อหันมามองประเทศไทย รัฐบาลทักษิณเลือกเดินเส้นทางนโยบายประชานิยมเหมือนกับรัฐบาลเปรอง
โดยผลิตโครงการต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะกระตุ้นการบริโภคและเอาใจประชาชน
ซึ่งส่งผลทำให้ประชาชนจำนวนมากที่เลือกพรรคไทยรักไทย
จนได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายและครองเสียงข้างมากถึง 3 ใน 4 ของสภาผู้แทนราษฎร
เหมือนกับที่ชาวอาร์เจนตินาเลือกพรรคของประธาธิบดีเปรองถึง
2
ใน
3
ของสภาฯ
แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะวิกฤต
เหมือนที่อาร์เจนตินาต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน แต่การใช้จ่ายของรัฐบาลอย่างฟุ่มเฟือย
เริ่มส่งเค้าลางของปัญหาทางการคลังที่น่าเป็นห่วงแล้ว อาทิ
การลดลงของเงินคงคลัง การขยายวงเงินกู้ตั๋วเงินคลัง หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น
ฯลฯ รัฐบาลจึงพยายามรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เพื่อให้สามารถจัดเก็บรายได้มาใช้จ่ายในโครงการประชานิยมต่อไปได้ โดยใช้นโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
เช่น การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การรีบเร่งเปิดเสรีการค้าและการลงทุน
การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศด้วยมาตรการต่าง ๆ
โดยเฉพาะการให้กรรมสิทธิ์การครอบครองที่ดิน การถือครองหุ้น เป็นต้น
หากรัฐบาลทักษิณยังคงบริหารประเทศด้วยแนวนโยบายเช่นนี้
อีกไม่นานผลลัพธ์จากนโยบายประชานิยม คงจะเกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในอาร์เจนตินาอย่างไม่ต้องสงสัย