เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การกล่าวปาฐกถาของ
พ.ต.ท.ทักษิณ
เรื่อง
"สถานการณ์เศรษฐกิจไทย
ปี
2006"
ให้นักธุรกิจชั้นนำของประเทศ
เมื่อวันที่
31
กรกฎาคมที่ผ่านมา
ได้สร้างความฮือฮาให้กับสังคมอีกครั้งหนึ่ง
ผ่านประโยคสำคัญที่แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ประเทศไทยโดยเฉพาะความน่าเชื่อถือของระบบ
รักษาการนายกรัฐมนตรีแสดงความเห็นว่า
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้เกิดความไม่น่าเชื่อพอสมควร
เนื่องจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
377
เสียงแต่มีกระบวนการทำให้รัฐบาลต้องล้ม”
พร้อมกับชี้ให้เห็นว่า
“ความน่าเชื่อถือของระบบ
ตั้งแต่ระบบกฎหมาย
กระบวนการยุติธรรมต้องมี
ถ้าเมื่อไหร่ระบบกระบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ
อันนี้อันตรายมาก
อาจทำให้เงินลงทุนจากต่างประเทศหาย”
คำกล่าวปาฐกถาของรักษาการนายกฯ
ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
ทำให้สังคมตีความว่าท่านไม่ไว้วางใจต่อการทำงานของกระบวนการดังกล่าว
ซึ่งขัดแย้งกับคนจำนวนมากที่เห็นว่าการทำงานของกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมามีความน่าเชื่อถือ
และสามารถเป็นที่พึ่งยามบ้านเมืองไร้ทางออกของปัญหา
คำถามคือ
เหตุใดรักษาการนายกฯ
จึงดูเหมือนมีมุมมองที่ตรงข้ามกับความคิดของคนจำนวนมาก
หรืออาจเป็นเพราะรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเป็นผู้เสียประโยชน์จากคำตัดสินของศาลในหลายคดี
จึงพยายามลดความน่าเชื่อถือของศาล
เพื่อทำให้รัฐบาลดูมีความชอบธรรมมากขึ้น
รักษาการนายกฯ
ยังพยายามทำให้ประชาชนเข้าใจว่า
เหตุที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
377
เสียงต้องล้มเพราะกระบวนการบางอย่าง
แต่ท่านกลับไม่มองว่าสาเหตุที่รัฐบาลที่มีเสียงเกิน
3
ใน
4
ของสภาผู้แทนฯ
ต้องล้ม
อาจเป็นเพราะตัวท่านและรัฐบาลเองที่ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้
อันเนื่องมาจากการที่ไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนต่าง
ๆ
ได้อย่างน่าพอใจ
การกระทำลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก
ที่ท่านพยายามพูดหรือฟ้องต่อที่สาธารณะหรือประชาคมโลกว่า
ท่านคือผู้ที่ถูกกระทำ
หรือพยายามสร้างความเข้าใจว่า
สาเหตุของความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากตัวของท่านเอง
แต่เกิดจาก
“บุคคลที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ”
หรือเกิดจาก
“กลุ่มผลประโยชน์ที่ต้องการสร้างความโกลาหล”
ผมจึงเกิดคำถามว่า
หรือเพราะท่านไม่ทราบจริง
ๆ
ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เกิดขึ้นเพราะอะไร
ทำให้พยายามสื่อสารผ่านวิธีการต่าง
ๆ ว่า
ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม
หากท่านไม่ทราบจริง
ๆ
ว่าสาเหตุของความวุ่นวายเกิดจากอะไร
ผมเห็นว่าท่านควรเว้นวรรคทางการเมืองสักระยะหนึ่ง
เพื่อมีเวลาทบทวนว่า
แท้ที่จริงรากปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะสิ่งใด
เพื่อท่านจะได้จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ตรงจุด
เพราะผลที่เกิดจากการสื่อสารของท่านปรากฏชัดในปัจจุบัน
คือ
ความเข้าใจผิด
ความแตกแยก
และความสับสนในสังคมไทย
|