เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
สังคมไทยในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดปรากฏการณ์ปัญหาความไม่ลงรอยระหว่างกลุ่มคน
เช่น
ความขัดแย้งทางการเมือง
ความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
รวมถึงความขัดแย้งที่ยังไม่ถูกพูดถึงในวงกว้าง
เช่น
ชนกลุ่มน้อยในประเทศ
คนที่มีความเชื่อทางศาสนาที่ต่างกัน
เป็นต้น
ความขัดแย้งบางประเด็นได้นำไปสู่ความรุนแรง
การสร้างความเกลียดชังอีกฝ่าย
ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวอาจส่งผ่านไปถึงเด็กและเยาวชน
ทำให้เกิดการเลียนแบบและอาจนำไปสู่การแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง
การแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนในสังคมหนึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
เพราะรากของปัญหาส่วนใหญ่มาจากความขัดแย้งทางความคิด
และความต้องการระหว่างกลุ่มคนที่แตกต่างกัน
ในต่างประเทศจึงได้มีความพยายามที่จะใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจ
และปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างสันติบนความแตกต่างที่หลากหลาย
ดังนี้
ฟิลิปปินส์:
การเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างกลุ่มที่แตกต่าง
เนื่องจากมีปัญหาความแตกต่างทางศาสนา
มีการต่อต้านและไม่ไว้ใจกัน
จึงเกิดโครงการ
Peace
Education
เป็นโครงการการศึกษาเพื่อการสร้างสันติภาพ
เพื่อแก้ไขทัศนคติที่ไม่ดีระหว่างคนทั้งสองศาสนา
โดยมีกลุ่มประชาสังคมทั้ง
2
ศาสนาเป็นอาสาสมัครช่วยกันสอนนักเรียนในระดับประถมศึกษาถึงระดับมัธยมศึกษา
การเรียนการสอนในหนึ่งชั้นเรียนจะมีนักเรียนทั้งสองฝ่ายเรียนและทำกิจกรรมร่วมกัน
ซึ่งเป็นแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งในระยะยาว
เกาหลีใต้:
การพัฒนาทักษะการคิดเชิงเหตุผลและการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่าง
กระทรวงศึกษาธิการของเกาหลีใต้ได้จัดให้มีหลักสูตรที่ให้นักเรียนเกิดทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล
และเกิดการยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่างจากผู้อื่น
โดยสอดแทรกเข้าไปในทุกวิชาที่สอนและในทุกระดับชั้น
เช่น
จิตสำนึกการอยู่ร่วมกันในสังคม
สิทธิและหน้าที่ของตนในระบอบประชาธิปไตย
การเคารพกฎหมายบ้านเมือง
และการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
หน้าที่การเป็นพลเมืองโลก
สันติภาพ
ความเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่าง
และปลูกจิตสำนึกในเรื่องเมตตาธรรมและมนุษยธรรมในกระแสโลกาภิวัตน์
โดยในห้องเรียนจะใช้การอภิปรายและยกกรณีตัวอย่าง
เพื่อให้ผู้เรียนได้วิเคราะห์หาความจริงตามหลักเหตุผลมากกว่าอารมณ์ความรู้สึก
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยพบว่า
คนจำนวนมากยังไม่ได้รับการปลูกฝังความคิดและจิตสำนึกในเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติมากเพียงพอ
ดังตัวอย่างที่พบกันโดยทั่วไปคือ
เมื่อใครคิดเห็นต่างจากตนเองจะถูกมองว่าเป็นศัตรูและหลายครั้งก่อให้เกิดการวิวาทกัน
ทั้งในแวดวงการเมือง
หรือแม้กระทั่งแวดวงวิชาการหลายครั้งพบว่า
เมื่อนโยบายหรืองานของตนถูกวิพากษ์
ผู้เป็นเจ้าของงานอาจแสดงความโกรธ
ละเลยไม่สนใจข้อเสนอแนะ
บางครั้งยังตอบโต้ด้วยคำพูด
หรือตั้งสมญานามผู้ที่ออกมาวิพากษ์
ในเชิงการประจานต่อสังคม
จำเป็นอย่างยิ่งที่ระบบการศึกษาไทย
ควรวางรากฐานการอยู่ร่วมกันอย่างสันติผ่านการปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้มีค่านิยมยอมรับความแตกต่างโดยไม่แตกแยก
นอกจากนี้ผู้ใหญ่ในสังคมควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี
โดยเห็นคุณค่ากันและกัน
ยอมรับฟังความเห็นที่แตกต่าง
ถกเถียงกันด้วยการใช้เหตุผล
เพื่อหาทางออกที่สร้างสรรค์
ซึ่งเป็นการสร้างสังคมใหม่ในอนาคต
ที่คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขแม้มีความแตกต่างกัน
และสามารถนำเอาความแตกต่างมาใช้ในทางสร้างสรรค์
ให้ประเทศได้รับการพัฒนามากขึ้น
|