เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยภายใต้ระบบแอดมิชชั่นที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้
เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยรักไทยและผู้เกี่ยวข้องจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เนื่องจากปัญหาต่าง
ๆ
ที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นผลอันเกิดจากการบริหาร
นโยบายด้านการศึกษาที่ผิดพลาดของรัฐบาล
ดังที่ผมได้กล่าวไว้ในจดหมายฉบับก่อนหน้านี้
แม้ว่าการสอบคัดเลือกในระบบ
แอดมิชชั่น
จะมีหลักการที่ดี
โดยหวังว่าเพื่อช่วยให้เด็กนักเรียนไม่เครียดจนเกินไป
เหมือนการสอบเอนทรานซ์ระบบเดิมที่เด็กมุ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างหนัก
แต่ไม่สนใจต่อระบบการเรียนการสอนในชั้นเรียนปกติ
ทั้งนี้ทั้งนั้นมีเงื่อนไขว่าระบบดังกล่าวจะต้องผ่านการคิดวิจัยมาแล้วอย่างรอบคอบ
รวมทั้งมีการบริหารจัดการที่ดีเท่านั้น
จึงจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่เด็กนักเรียนได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม
ระบบแอดมิชชั่นที่รัฐบาลนำมาใช้นี้ยังไม่ใช่ระบบที่ดีที่สุดในการคัดเลือกคนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
เนื่องจากการวัดผลและคัดเลือกคนเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา
ยังขาดมิติที่สำคัญอีกหลายด้าน
โดยเฉพาะการวัดเป้าหมายแรงจูงใจของผู้ที่ประสงค์จะเข้าศึกษาต่อในคณะที่ตนได้เลือก
และการวัดด้านคุณธรรมจริยธรรม
ผมจึงขอเสนอว่า
ระบบแอดมิชชั่นควรเพิ่มเติมการทดสอบที่ครอบคลุมไปถึงมิติดังกล่าวด้วยการวัดมิติด้านแรงจูงใจในการเลือกคณะหรือภาควิชาที่ตนสนใจ
อาทิ
วิธีการให้ผู้เข้าสอบเขียนเรียงความถึงเหตุผลในการเลือกคณะหรือสาขาวิชาที่ตนได้เลือกไว้ในการสอบว่า
ปรารถนาที่จะเรียนต่อในคณะต่าง
ๆ
เพราะอะไร
เพื่ออะไร
และเมื่อเรียนจบแล้วจะนำความรู้ดังกล่าวมาทำประโยชน์ต่อประเทศชาติในแง่มุมใด
หรือการกำหนดให้มีผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายในการศึกษาและการทำงานในอนาคต
ซึ่งเหล่านี้เป็นวิธีการที่อาจวัดเป้าหมายแรงจูงใจในการเรียนได้ในระดับหนึ่ง
รวมทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้เข้าสอบได้มีโอกาสใคร่ครวญเกี่ยวกับแรงจูงใจในการเลือกสาขาวิชาของตนอีกด้วย
การวัดมิติด้านคุณธรรมจริยธรรม
ผมได้เคยเสนอแนวคิดในการเก็บบันทึกการทำความดีที่บันทึกประวัติการทำประโยชน์ให้กับสังคม
เพื่อจูงใจให้นักเรียนได้มีโอกาสทำกิจกรรมที่ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมของตนเอง
โดยนำเอาข้อมูลจากบันทึกการทำความดีมาเป็นคะแนนส่วนหนึ่งในการคัดเลือกคนเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
ทั้งนี้ควรมีการศึกษาวิจัยเพื่อกำหนดสัดส่วนที่เหมาะสมระหว่างคะแนนความดีกับความรู้
นอกจากนี้ยังอาจมีการพิจารณาจดหมายรับรอง
(Recommendation)
จากหน่วยงานต่าง
ๆ
ที่นักเรียนเคยไปทำงานหรือเป็นอาสาสมัคร
เพื่อทราบข้อมูลถึงความถนัด
ความสนใจ
ลักษณะนิสัยการทำงานของนักเรียนได้ในอีกทางหนึ่ง
ระบบการสอบคัดเลือกที่วัดผลเพียงด้านเดียวที่ความสามารถทางวิชาการ
แต่ปราศจากการวัดมิติด้านแรงจูงใจและมิติคุณธรรม
อาจทำให้ประเทศได้คนที่ฉลาดแต่ขาดคุณธรรมและขาดเป้าหมายชีวิต
ซึ่งย่อมจะเป็นผลเสียต่อประเทศชาติในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย |