เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
จากข่าวที่ประธานโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
(มศว.)
ได้กล่าวว่า
การที่เยาวชนนิยมใส่ชุดนิสิตนักศึกษาที่รัดรูป
เพื่อให้เห็นสัดส่วนของตนเอง
อาจเกิดปัญหาต่อการหายใจและทำให้บริโภคอาหารได้น้อยนั้น
ทำให้เกิดข้อถกเถียงในเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง
ในความเป็นจริง
การแต่งกายแบบรัดรูปอาจเป็นเพียงกระแสนิยมที่เกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
และในอนาคตรูปแบบการแต่งกายของนักศึกษาคงจะเปลี่ยนแปลงไปอีก
เช่นเดียวกับในอดีตที่มีความนิยมรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามยุคสมัย
เช่นในยุคสมัยหนึ่งที่นิยมใส่เสื้อตัวใหญ่และกระโปรงบานคลุมถึงข้อเท้า
เพียงแต่แฟชั่นเสื้อรัดรูปและกระโปรงสั้นอาจมีผลเสียต่อผู้สวมใส่มากกว่า
โดยเฉพาะความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดคดีข่มขืน
และอาจรวมถึงผลเสียต่อการหายใจและการทานอาหารดังกล่าวข้างต้นด้วย
อย่างไรก็ตาม
หากพิจารณาลงลึกถึงวิธีคิดของเด็กและเยาวชน
ซึ่งสะท้อนถึงวิธีคิดของสังคมไทย
(หรืออย่างน้อยในสังคมของเด็กและเยาวชนไทย)
ซึ่งมีสิ่งที่อาจมิได้เปลี่ยนแปลงไปตามแฟชั่น
การให้ความสำคัญกับเปลือกนอก
เหตุที่นิสิตนักศึกษานิยมใส่ชุดรัดรูป
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการได้รับการรยอมรับจากสังคมหรือกลุ่มเพื่อน
หรือดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม
ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงค่านิยมในการให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ภายนอกมากกว่าจิตใจภายในหรือความรู้ความสามารถ
ไม่แตกต่างจากสังคมภาพรวมที่มองกันเพียงเปลือกนอก
เช่น
คนที่ใส่สูทผูกไทด์
ใช้สินค้าแบรนด์เนม
หรือขับรถยนต์ราคาแพงจะได้รับการยอมรับหรือเชื่อถือมากกว่าคนอื่น
เป็นต้น
การเป็นทาสทางความคิด
แม้การแต่งกายอย่างไรนั้นเป็นสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคลที่พึงจะกระทำได้
แต่หากมองในมุมกลับ
ความพยายามแต่งกายในรูปแบบคล้าย
ๆ กัน
สะท้อนถึงการขาดเสรีภาพ
เป็นทาสทางความคิดและทางสายตาของคนอื่น
จนทำให้ต้องทำตามกระแสความนิยมในสังคม
จนขาดความมั่นใจในตัวตนและขาดอัตลักษณ์ของตนเอง
วิธีคิดเช่นนี้ปรากฏในสังคมภาพรวม
โดยเฉพาะการไม่ยอมรับคนที่คิดแตกต่าง
ทำให้คนในสังคมไทยจำนวนมากไม่กล้าที่จะคิดแตกต่างจากคนส่วนใหญ่
การขาดการคิดประยุกต์และสร้างสรรค์
การแต่งตัวรัดรูป
กระโปรงสั้นของเด็กและเยาวชนไทย
สะท้อนถึงการขาดการคิดประยุกต์ให้เหมาะสมกับตนเองและบริบทของสังคม
แต่เป็นเพียงการรับแฟชั่นจากต่างประเทศหรือจากสื่อสารมวลชนมาทั้งดุ้น
โดยไม่ปรับให้เหมาะสมกับรูปร่างของตน
และวัตถุประสงค์ของการแต่งกาย
รวมทั้งบทบาทของตนที่เป็นนักศึกษา
เช่นเดียวกับสิ่งที่ปรากฏในสังคมไทย
เช่น
การขายสินค้าเหมือน
ๆ กัน
หรือการลอกเลียนแบบสินค้าต่างประเทศ
หรือแม้แต่การที่รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐนำนโยบายของต่างประเทศมาใช้โดยขาดการประยุกต์ให้เหมาะสมกับบริบทของไทย
เป็นต้น
ปรากฏการณ์มิใช่เพียงกระแสชั่วครู่ชั่วยาม
แต่เป็นปัญหาในระดับวิธีคิด
และปัญหาดังกล่าวมิใช่ปัญหาของกลุ่มเด็กและเยาวชนเท่านั้น
หากแต่เป็นปัญหาของภาพรวมสังคมไทยด้วย
|