เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ในช่วงที่ผ่านมา
มีข่าวเกี่ยวกับการจัดการคอร์รัปชันของประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งเวียดนาม
และไต้หวัน
ที่ประเทศไต้หวัน
เมื่อเดือนพฤษภาคม
ที่ผ่านมา
บุตรเขยของประธานาธิบดีเฉิน
สุยเปี่ยน
ถูกจับฐานใช้ข้อมูลภายในหาผลประโยชน์อย่างไม่ถูกต้อง
ส่วนนางหวู
ซู-เฉิน
ภริยาของประธานาธิบดีกำลังถูกสอบสวนฐานรับของกำนัลมูลค่า
5
ล้านดอลลาร์ไต้หวัน
จากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
อีกทั้งหนึ่งในที่ปรึกษาระดับสูงของเฉินยังถูกกล่าวหาว่าฉ้อราษฎร์บังหลวงด้วย
จากเหตุการณ์อื้อฉาวหลายครั้ง
ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงของชาวไต้หวัน
กดดันให้ประธานาธิบดีเฉิน
สุยเปี่ยน
ลาออก
เหตุการณ์นี้ทำให้เห็นว่า
ผู้กระทำการทุจริต
แม้จะใกล้ชิดกับบุคคลในระดับผู้นำประเทศ
ไม่ได้ลอยนวล
แต่ถูกจับรับโทษ
ผู้นำสูญเสียความน่าเชื่อถือจากประชาชน
ส่วนที่ประเทศเวียดนาม
ในช่วงที่ผ่านมา
เวียดนามมีการตื่นตัวกับการฉ้อฉลในระบบที่อื้อฉาวในหลายหน่วยงานของรัฐ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสำนักงานบริหารโครงการที่
18 (Project
Management
Unit 18)
ที่ทำให้สูญเสียงบประมาณมหาศาล
นายกรัฐมนตรีเวียดนาม
นายฟาน
วัน ข่าย
(Phan
Van Khai)
ได้ขอแสดงความรับผิดชอบต่อการทุจริตที่เกิดขึ้น
พร้อมทั้งได้ขอโทษต่อประชาชนทั้งประเทศ
ก่อนประกาศลาออกจากตำแหน่งในรัฐสภา
เมื่อวันที่
16
มิถุนายน
ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันนายด่าวดิ่งบิ่ง
(Doa
Dinh
Binh)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงขนส่งเวียดนาม
กระทรวงเจ้าสังกัดของหน่วย
PMU18
ได้ออกมาขอโทษต่อประชาชนและขอลาออกจากตำแหน่งแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
เหตุการณ์นี้
ทำให้เราเห็นถึงการออกมาแสดงความรับผิดชอบของผู้บริหาร
ด้วยการกล่าวขอโทษประชาชน
และการลาออกจากตำแหน่ง
แม้ว่าการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะรับตำแหน่งก็ตาม
ข่าวทั้งสองนี้
เมื่ออ่านแล้วก็ได้มาสะท้อนคิดถึงปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในการบริหารประเทศในช่วงที่ผ่านมา
การจัดการกับปัญหาคอร์รัปชันในบ้านเรา
ยังคงเป็นเสมือน
“การกล่าวหา”
ในพฤติกรรมของบุคคลในระดับบริหารประเทศ
ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าใด
ๆ
ในการจัดการ
และประชาชนยังมองไม่เห็นทางออกว่าจะยุติลงอย่างไร
แม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะได้รับการกล่าวหาว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นมากกว่ารัฐบาลชุดใด
ๆ
ที่ผ่านมา
..ไม่ว่าจะเป็นทุจริตรับจำนำข้าว
รับจำนำลำไย
โครงการนมโรงเรียน
โครงการปุ๋ย
ไปจนถึงการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์
และอีกหลายโครงการที่ส่อแววเจตนาทุจริต
รวมทั้งมีรูปแบบทุจริตที่ซับซ้อนมากที่สุด
ทั้งคอร์รัปชันเชิงนโยบาย
การมีผลประโยชน์ทับซ้อน
และแก้ไขกติกาให้ทำทุกอย่างได้ถูกต้อง
จนยากจะหาผู้กระทำผิดมาลงโทษได้
หวังว่าการมีรัฐบาลชุดใหม่
การมุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ
จะไม่ทำให้ลืมปัญหาทุจริตคอร์รัปชันเหล่านี้ที่จำเป็นต้องจัดการให้ลุล่วงไปในทุก
ๆ
ข้อกล่าวหา
เพื่อให้สามารถชี้ชัดได้ถึงการกระทำความผิด
และการได้รับบทลงโทษตามกฎหมายอย่างยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย
หลังจากเลือกตั้งแล้ว
เราคงต้องฝากความหวังไว้กับรัฐสภาชุดใหม่
และการดำเนินงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ปปช.)
ชุดใหม่ที่หวังว่าจะเป็นอิสระและเป็นกลางอย่างแท้จริง
รวมทั้งฝากความหวังไว้กับผู้ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบ
แก้ไข
และปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นทุก
ๆ องค์กร
จะสามารถช่วยกันตัดตอนโอกาสเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ของชาติอย่างไม่สมควรได้อีก
|