เป็นที่ทราบกันดีว่า
รัฐบาลมีความตั้งใจจะสร้างอภิมหาโครงการช้าง
โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า
7
เส้นทาง ความยาว
291
กิโลเมตร
ล่าสุดรัฐบาลยังมีแนวคิดในการจัดตั้งซูเปอร์คอมเพล็กซ์
ซึ่งมีทั้งศูนย์การแสดงสินค้า
ศูนย์การประชุมขนาดใหญ่
โรงแรมหรูหรา
ห้างสรรพสินค้า
และที่อยู่อาศัยในบริเวณที่รถไฟฟ้าแล่นผ่าน
อีกทั้งยังเตรียมการจัดตั้งองค์กรนิติบุคคลแห่งใหม่ขึ้น
เพื่อทำหน้าที่ระดมทุน
วางแผนการก่อสร้าง
ให้สัมปทาน
และบริหารจัดการโครงการเหล่านี้
ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนมิถุนายนศกนี้
ผมคิดว่าการที่รัฐบาลจัดตั้งองค์กรสาธารณะขึ้นใหม่นี้
คล้ายกับการจัดตั้งเอสพีวีหรือนิติบุคคลเฉพาะกิจ
ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลนำมาใช้ช่วยเหลือเกษตรกร
ซึ่งมีข้อดีคือสามารถทำหน้าที่ได้อย่างคล่องตัว
เนื่องจากการจัดการมีความเป็นธุรกิจ
สามารถกู้เงินจากธนาคาร
และเข้าระดมทุนจากตลาดหุ้นได้
รวมทั้งทำให้การทำงานทั้งระบบเชื่อมโยงกัน
ลดการสูญเสียทรัพยากรไปได้ในทางหนึ่ง
แต่การจัดตั้งองค์กรในรูปแบบเอสพีวีนี้
เป็นวิธีที่มีความเสี่ยงและเปิดช่องทางให้ทุจริตได้ง่าย
เนื่องจากเอสพีวีมีลักษณะเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจที่รูปแบบทางบัญชีไม่มีการแสดงให้เห็นในงบประมาณแผ่นดิน
รัฐสามารถสร้างหนี้ได้โดยไม่มีการบันทึกเป็นหนี้สาธารณะ
ทำให้หนี้ภาครัฐ
หรือ หนี้รวม
ที่ประกาศออกมาอาจจะไม่สะท้อนสภาพความจริง
การที่รัฐบาลได้ประกาศว่า
จะรักษากรอบความยั่งยืนทางการคลัง
โดยจะไม่ก่อหนี้เกินร้อยละ
49
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ
การก่อหนี้สาธารณะจึงถือเป็นข้อจำกัดอย่างหนึ่งของรัฐบาลในการก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจคท์
ประกอบกับรัฐบาลได้ให้สัญญากับประชาชนไว้มากมายในโครงการต่าง
ๆ
ที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก
รัฐบาลจึงจำเป็นต้องสร้างหนี้
แต่จะประกาศยอดหนี้ที่ต่ำกว่าความเป็นจริง
เพื่อรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน
การก่อหนี้ที่ไม่ปรากฏในบัญชีหนี้สาธารณะเป็นสิ่งที่ควรระวัง
หากหนี้ดังกล่าวกลายเป็นปัญหาขึ้นมาเมื่อใด
จะสร้างปัญหาให้กับประชาชนมหาศาล
เพราะเงินที่จะนำมาใช้หนี้สาธารณะนี้
ล้วนเป็นเงินภาษีของประชาชนทั้งสิ้น
รัฐบาลต้องไม่ลืมว่า
โครงการขนาดใหญ่มีความเสี่ยงสูง
เพราะผลการศึกษาโครงการขนาดใหญ่
258
โครงการทั่วโลก
พบว่าโครงการส่วนใหญ่มีความผิดพลาดในการประเมินต้นทุนและรายได้
และสาเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดจากปัญหาด้านความรับผิดรับชอบ
(accountability)
มากกว่าปัญหาเชิงเทคนิค
และมักเกิดปัญหาในรัฐบาลที่มีอำนาจการตัดสินใจ
โดยปราศจากการตรวจสอบถ่วงดุล
ซึ่งเป็นลักษณะที่ใกล้เคียงกับรัฐบาลปัจจุบัน
ดังนั้นผมอยากเชิญชวนมิตรสหายให้ช่วยกันจับตาดูการดำเนินงานของรัฐบาลให้ดีครับ