เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การเจรจา
FTA
ไทย
สหรัฐ
ที่ผ่านมา
18
เดือน
6
รอบ
มีหลายเหตุการณ์ที่แตกต่างจากการเจรจา
FTA
กับประเทศอื่นที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมประท้วงของภาคประชาชนหน้าสถานที่เจรจา
การลาออกของหัวหน้าคณะเจรจา
เป็นต้น
เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของกระบวนการเจรจา
FTA
ผมจึงขอเสนอหลักการในการปฏิรูปกระบวนการเจรจา
FTA
ดังนี้
การมีส่วนร่วมของประชาชน
รัฐบาลควรสร้างกลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย
เพราะการเจรจา
FTA
ที่ผ่านมาอาจมีการรับฟังความเห็นของผู้ประกอบการรายใหญ่
เฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีการจัดตั้งเป็นองค์กรอย่างเป็นทางการ
แต่ขาดกลไกในการรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการรายย่อย
ภาคประชาชน
เกษตรกร
ซึ่งส่วนใหญ่คือผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก
FTA
ทั้งนี้รัฐบาลอาจจะจัดตั้งคณะทำงานรับฟังความเห็นของประชาชน
เพื่อทำหน้าที่ในการรับประเด็นจากคณะเจรจากับประเทศต่าง
ๆ
ออกไปพูดคุยและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
ความโปร่งใสและตรวจสอบได้
โดยนำข้อตกลง
FTA
เข้ารัฐสภาเพื่อพิจารณาและอนุมัติ
เพราะการเจรจามักเป็นไปอย่างรีบเร่งและไม่เปิดเผยข้อมูล
ทั้ง
ๆ
ที่เป็นเรื่องที่ผลกระทบมาก
รัฐบาลไม่ควรปฏิเสธกลไกนี้
โดยอ้างว่ารัฐสภาไม่มีผู้เชี่ยวชาญ
ซึ่งเป็นการดูถูกความรู้ความสามารถของ
ส.ส.
และ ส.ว.
การเจรจาบนฐานการศึกษาอย่างรอบคอบ
เพราะการเจรจา
FTA
ที่ผ่านมาขาดการศึกษาอย่างครบถ้วน
เช่น
การเจรจาเปิดเสรีภาพบริการโดยขาดฐานข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจบริการ
การส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนที่ติดขัดกฎระเบียบของมณฑลต่าง
ๆ
ความขัดแย้งระหว่างการเปิดเสรีโคเนื้อกับโครงการโคล้านครอบครัว
เป็นต้น
การเปิดเสรี
FTA
กับสหรัฐฯ
ซึ่งมีเครื่องมือจำนวนมากที่จะใช้ในการกีดกันทางการค้า
ไทยจึงมีโอกาสเสียเปรียบค่อนข้างสูง
รัฐบาลจึงควรศึกษาและวางแผนเชิงกลยุทธ์อย่างรอบคอบ
และตัดสินใจบนฐานข้อมูลการศึกษาวิจัยครบถ้วนและรอบคอบ
ทั้งการศึกษาวิจัยระดับมหภาคและระดับจุลภาค
ทั้งด้านเศรษฐกิจ
สังคม
การเมือง
สิ่งแวดล้อม
และวัฒนธรรม
ประการสุดท้าย
ความเป็นธรรมในสังคม
โดยกำหนดมาตรการเตรียมความพร้อม
และกลไกการชดเชยตั้งแต่ก่อนเปิดเสรี
เพราะเท่าที่ผ่านมา
รัฐบาลไม่มีการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการล่วงหน้า
ขณะที่การศึกษาเกี่ยวกับกลไกการชดเชยและการจัดตั้งกองทุนปรับโครงสร้างภาคเกษตรเกิดขึ้นภายหลังการเปิดเสรีไปแล้ว
จึงไม่สามารถให้การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบได้อย่างทันท่วงที
เหล่านี้เป็นหลักการออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่ของกระบวนการเจรจาการค้าเสรีที่รัฐบาลควรยึดถือ
เพื่อให้การเจรจาการค้าเสรี
เป็นไปด้วยความสมานฉันท์
ไม่สร้างความไม่เป็นธรรม
และก่อผลประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ
|