เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยในการสกัดการไหลเข้าของเงินทุนระยะสั้นโดยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์กันสำรองเงินตราต่างประเทศร้อยละ
30 ได้สร้างผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศอย่างมาก
จึงควรเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของภาครัฐโดยการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ
และมีการประเมินผลกระทบให้รอบด้านมากกว่านี้
ทั้งนี้
ผมมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่าในกรอบระยะสั้นและระยะยาว
เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยสามารถแข่งขันภายใต้ระบบเศรษฐกิจโลก
ดังนี้
1 มาตรการระยะสั้น
1.1
ดูแลอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่สมดุล
ในภาวะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อปี
2550
มีแนวโน้มชะลอตัวลง
เนื่องจากเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว
เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
นักลงทุนจึงคาดการณ์ว่า
อัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มลดลง
ซึ่งจะส่งผลทำให้ราคาของพันธบัตรในตลาดเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
(เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง
คนจะถอนเงินฝากไปซื้อพันธบัตรมากขึ้น)
สถานการณ์เช่นนี้จึงดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาซื้อพันธบัตรเพื่อเก็งกำไร
ผมจึงเห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทยควรพิจารณาแนวทางลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ
และลดแรงดึงดูดเงินลงทุนระยะสั้นที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาดพันธบัตร
1.2
สกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทต่อเนื่อง
ผมเห็นว่าเครื่องมือที่ใช้แก้ไขปัญหาในปัจจุบันยังมีความจำกัด
ผมจึงขอเสนอแนะให้ภาครัฐทำการศึกษาวิจัยเครื่องมือใหม่
ๆ
เพิ่มเติม
เพื่อทำให้มาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทเกิดประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง
และควรมีการทบทวนเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลของมาตรการต่าง
ๆ
ที่ออกไปแล้วอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยควรพิจารณานโยบายการส่งสัญญาณทางเศรษฐกิจ
เพื่อสร้างความคาดหวัง
(expectation)
ของตลาดในทิศทางที่เหมาะสม
(หรือที่เรียกว่า
anticipated
policy)
อันจะทำให้ตลาดค่อย
ๆ
ปรับตัวเองไปในทิศทางที่พึงประสงค์
แม้ภาครัฐยังไม่ได้ดำเนินนโยบายใด
ๆ
1.3
ขยายตลาดส่งออกในปี
2550
ให้มีความหลากหลายมากขึ้น
โครงสร้างการส่งออกของไทยพึ่งพาตลาดสหรัฐมาก
ผมจึงเห็นว่าภาครัฐและภาคเอกชนของไทยควรร่วมมือกันในการพัฒนาและขยายตลาดส่งออกให้มีความหลากหลายมากขึ้น
เพื่อลดความเสี่ยงจากการส่งออกเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
1.4
ลดการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย
เพิ่มการนำเข้าสินค้าทุน
ผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งทำให้การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุนและเครื่องจักรไม่ไดเพิ่มขึ้นมากนัก
ผมจึงเห็นว่าภาครัฐและภาคเอกชนควรใช้วิกฤตเงินบาทแข็งค่าให้เป็นโอกาส
ด้วยการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
เนื่องจากการนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมีราคาต่ำลง
ในขณะเดียวกันควรรณรงค์ให้ประชาชนลดการบริโภคสินค้านำเข้าที่ฟุ่มเฟือย
โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เฉพาะช่วงเวลาที่เงินบาทแข็งค่าเท่านั้น
และอาจพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้านำเข้าที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย
1.5
ลดอัตราดอกเบี้ยและภาษีแก่ผู้ส่งออกรายย่อยที่ได้รับผลกระทบ
ในกรณีที่ผู้ส่งออกรายย่อยได้รับผลกระทบมากจนมีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ
ผมขอเสนอให้รัฐบาลกำหนดนโยบายให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
(ธสน.)
พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยแก่ผู้ส่งออกรายย่อย
ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งมากกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่
รวมถึงจัดสรรสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนกรณีพิเศษ
เพื่อให้ผู้ประกอบการใช้ปรับโครงสร้างต้นทุนทางการเงิน
(re-finance)
และให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการลดหย่อนภาษีบางประเภทเพื่อช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ
1.6
ดูแลผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบ
ภาครัฐควรเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบของค่าเงินต่อการส่งออกสินค้าเกษตร
และในกรณีผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกลดการจ้างงานโดยการปลดพนักงาน
เช่น
มาตรการเร่งรัดการลงทุนภาครัฐเพื่อเพิ่มอัตราการจ้างงาน
มาตรการส่งเสริมให้ผู้ว่างงานประกอบอาชีพอิสระ
มาตรการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน
และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตร
และการสร้างเครือข่ายรองรับทางสังคม
(social
safety
net)
ให้ครอบคลุมทุกปริมณฑลของประเทศ
เป็นต้น
2
มาตรการระยะยาว
2.1
ผลักดันนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้เป็นวาระเร่งด่วนของชาติ
ภาครัฐควรผลักดันนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้เป็นวาระเร่งด่วนของชาติ
โดยดำเนินการอย่างเป็นระบบ
ต่อเนื่อง
และจริงจัง
โดยมีแผนแม่บทเพื่อสร้างขีดความสามารถการแข่งขันระยะยาวที่ชัดเจนให้แก่ประเทศ
ดำเนินการอย่างครอบคลุมทั้งเรื่องการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์
การเพิ่มคุณภาพการผลิต
การพัฒนาเทคโนโลยี
การเพิ่มทักษะของคน
การผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูง
พัฒนาด้านการวิจัย
และ
โครงสร้างพื้นฐานต่าง
ๆ
เป็นต้น
2.2
เร่งรัดการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการใช้พลังงานทางเลือก
ภาครัฐควรเร่งดำเนินการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการใช้พลังงานทางเลือก
เพื่อส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันแก่ผู้ประกอบการไทย
เนื่องจากภาคการผลิตในประเทศไทยมีต้นทุนด้านโลจิสติกส์และพลังงานค่อนข้างสูงมาก
2.3
ผลักดันนโยบายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นวาระเร่งด่วนของชาติ
เหตุที่การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินเพียงเล็กน้อยส่งผลกระทบ
ทำให้ผู้ประกอบการในบางอุตสาหกรรมขาดความสามารถในการแข่งขัน
เนื่องจากมูลค่าเพิ่มของสินค้าส่งออกค่อนข้างต่ำ
ทำให้ผู้ส่งออกต้องแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก
ปัญหามูลค่าเพิ่มของการผลิตต่ำส่วนหนึ่งเกิดจากความล่าช้าอย่างมากในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
รวมทั้งขาดทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจน
ผมขอเสนอให้รัฐบาลจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
โดยบูรณาการการพัฒนาให้เชื่อมโยงระหว่างกระทรวงต่าง
ๆ
อย่างเป็นระบบ
เพื่อตอบโจทย์ของประเทศได้อย่างครบถ้วนทุกมิติ
|