เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การแถลงข่าวของ
พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร
ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ
เมื่อคืนวันที่
4
เมษายน
2549
ที่ผ่านมา
ซึ่งรักษาการณ์นายกรัฐมนตรีประกาศไม่ขอรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
และจะต้องรักษาการณ์ไปจนกว่ากระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย
โดยให้เหตุผลว่า
เพื่อยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองแห่งชาติ
ในปีแห่งการเฉลิมฉลองการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ
60
ปี
ท่าทีของ
พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร
ที่ยอมไม่รับตำแหน่งนายกฯ
ทำให้เกิดคำถามว่า
เหตุใดคุณทักษิณจึงดูเหมือนมีท่าทีอ่อนลง
ทั้ง ๆ
ที่ก่อนหน้านี้มีท่าที่แข็งกร้าวมาโดยตลอด
เพราะพรรคไทยรักไทยครองอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จแล้ว
เหตุที่ก่อนหน้านี้
คุณทักษิณไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกฯ
ออกมาเลย
ทั้ง ๆ
ที่มีเสียงเรียกร้องให้นายกฯ
ลาออกหรือเว้นวรรค
เนื่องมาจากสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้ง
ยังไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับผลของการเลือกตั้ง
หากคุณทักษิณประกาศลาออกในช่วงเวลานั้นยังมีความเสี่ยง
ที่พรรคไทยรักไทยอาจจะสูญเสียการครอบครองอำนาจ
และจะนำมาซึ่งกระบวนการตรวจสอบที่คุณทักษิณไม่พึงประสงค์
การประกาศไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลใหม่
เป็นท่าทีที่เกิดขึ้นหลังจากที่การเลือกตั้งได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่า
พรรคไทยรักไทย
สามารถควบคุมอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารไว้ได้แล้วอย่างเบ็ดเสร็จ
ยิ่งไปกว่านั้น
คุณทักษิณยังคงจะอยู่ในตำแหน่งรักษาการณ์นายกฯ
ต่อไป
จนกว่ากระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย
รวมทั้งจะยังคงเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยต่อไป
เมื่อเป็นเช่นนี้
คุณทักษิณจึงมั่นใจได้ว่า
แม้ตนเองไม่ได้เป็นนายกฯ
แต่จะเลือกคนที่ตนสามารถคุมได้เพื่อมาดำรงตำแหน่งต่อจากคุณทักษิณ
ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบประเด็นการทุจริตของตนเองจะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างโปร่งใส
เพราะเป็นการเบี่ยงเป้าหมายการโจมตีจากตัวคุณทักษิณ
การที่คุณทักษิณแสดงทีท่าว่าตนเองยอมถอยนั้น
เป็นเพียงการสร้างภาพให้ประชาชนเกิดความเห็นใจ
และพึงพอใจ
เพราะเกิดความเข้าใจผิดว่า
คุณทักษิณยอมเว้นวรรคทางการเมืองแล้ว
ทั้งที่ความเป็นจริง
คุณทักษิณยังคงมีอำนาจสูงสุดและสามารถบังคับบัญชานายกฯ
ร่างทรง
คณะรัฐมนตรี
และ ส.ส.ของพรรคไทยรักไทยได้อย่างเต็มที่
เมื่อเป็นเช่นนี้
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
จะมีความยากลำบากมากขึ้นในการทำให้ประชาชนเข้าใจเกมการเมืองของรัฐบาล
ทำให้การระดมคนมีความยากมากขึ้น
และอาจทำให้ประชาชนเกิดความคลางแคลงใจในการเคลื่อนไหวต่อไปของกลุ่มพันธมิตรอีกด้วย
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้
กลุ่มแกนนำพันธมิตรจึงจำเป็นต้องหาทางกำจัดคุณทักษิณไม่ให้มีอิทธิพลต่อฝ่ายบริหาร
นิติบัญญัติ
กระบวนการตรวจสอบ
และการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ
โดยกลุ่มพันธมิตรจะต้องชูประเด็นยุทธศาสตร์ใหม่ขึ้นมาเพื่อเป็นแกนหลักของการต่อสู้
รวมทั้งต้องสร้างความตระหนักถึงปัญหาที่ยังซ่อนอยู่ให้ประชาชนเข้าใจ
เพื่อรักษาแรงเหวี่ยงของการชุมนุมให้ยังมีอยู่ต่อไป
ประเด็นที่พันธมิตรฯ
ชูขึ้นมาในระยะสั้น
คือการต่อต้านการเป็นรักษาการณ์นายกฯ
เกินกว่าเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ความไม่ชอบธรรมของการเลือกตั้ง
และความไม่ชอบธรรมของสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่ครบ
500
คน
อย่างไรก็ตาม
รัฐบาลรักษาการณ์ของคุณทักษิณจะใช้อำนาจที่มีอย่างเบ็ดเสร็จ
เพื่อทำให้กระบวนการเลือกตั้ง
การเปิดประชุมสภาฯ
และการสรรหานายกฯ
คนใหม่
ดำเนินการต่อไปได้
เพื่อเบี่ยงเป้าหมายของการโจมตีออกไปจากตัวคุณทักษิณ
ทั้งนี้เพราะคุณทักษิณไม่ได้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลอีกต่อไป
และจะพยายามทำตัวไม่ให้ดูเหมือนว่าเข้ามามีอิทธิพลต่อรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎร
ในสถานการณ์แบบนี้
จึงเป็นความยากสำหรับพันธมิตรฯ
ในการรักษาความต่อเนื่องของการชุมนุม
การที่รักษาการณ์นายกฯ
ประกาศจะไม่รับตำแหน่งจึงเป็นเพียง
การดูเหมือนถอยเพื่อรุก
เพราะคุณทักษิณทราบดีว่า
การรุกไปข้างหน้ามีแต่จะยิ่งเสียหายหนัก
ดังนั้นจึงใช้ยุทธศาสตร์การเก็บตัวในค่ายที่เข้มแข็ง
(ปราศจากการตรวจสอบ)
และไม่ทำตัวเป็นเป้าให้โจมตี
เพื่อให้ฝ่ายพันธมิตรฯที่รุกเข้ามาโจมตีไม่เข้าเป้าและอ่อนกำลังลงเรื่อย
ๆ
โดยหวังว่า
เมื่อคุณทักษิณกลับมาอีกครั้ง
กลุ่มพันธมิตรฯ
อาจจะไม่สามารถจุดกระแสการต่อต้านทักษิณให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีก
การรักษาความต่อเนื่องของการต่อสู้ของการเมืองภาคประชาชนจึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างยิ่ง
ซึ่งผมเห็นว่า
ประเด็นหลักที่กลุ่มการเมืองภาคประชาชนควรจะผลักดันต่อไป
คือการเปลี่ยนเป้าหมายหลักของการโจมตีจากตัวคุณทักษิณไปเน้นสู่ระบอบทักษิณมากขึ้นอีก
และการปฏิรูปการเมืองเพื่อทำลายระบอบทักษิณ
โดยยุทธศาสตร์สำคัญคือการจัดระบบและเครือข่ายวิชาการในการหาข้อมูลและสร้างประเด็นใหม่
ๆ
เกี่ยวกับความไม่ชอบธรรมของระบอบทักษิณ
และจัดทำข้อเสนอในการปฏิรูปการเมือง
ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณทักษิณไม่กลับมาแล้ว
ยังทำให้คนที่คิดจะทำเหมือนคุณทักษิณไม่สามารถเข้ามามีอำนาจได้อีกด้วย
|