สวัสดีครับ
มิตรสหายทุกท่าน
ผมได้กล่าวไว้ในวันอภิปรายแล้วว่า
โครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลซึ่งใช้งบประมาณสูงถึง
1.5
ล้านล้านบาทนั้น
มีโอกาสก่อปัญหาวิกฤตตามมา
เช่น
ปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ปัญหาหนี้สาธารณะ
และได้เสนอให้รัฐบาลเตรียมการล่วงหน้าให้พร้อม
เช่น
เตรียมการว่าจะหาเงินมาเพิ่มเพื่อทำให้โครงการสำเร็จได้อย่างไร
ประเมินต้นทุนและผลตอบแทนของโครงการ
ตลอดจนทำเอกสารสัญญาต่าง
ๆ
อย่างระมัดระวัง
ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการดำเนินโครงการอยู่ในกรอบที่ควบคุมได้
แต่เมื่อวันที่
4
เมษายน
กลับมีข่าวว่า
คณะทำงานเพื่อจัดลำดับโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์
ได้สรุปโครงการที่ลงทุนในเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อย
โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดไปจากเดิม
การกระทำดังกล่าวของรัฐบาล
กำลังส่งสัญญาณว่า
รัฐบาลไม่ได้รับฟังและนำข้อเสนอแนะมาพิจารณา
ศึกษาอย่างแท้จริง
ในการหาวิธีการแก้ไข
ในส่วนที่เป็นจุดล่อแหลม
มีความเสี่ยงต่อภาคประชาชนในระยะยาว
ดังนั้น
จึงขอฝากเพื่อนทุกท่าน
และวิงวอนไปถึงประชาชนทุกคน
ได้ช่วยกันจับตา
เฝ้าระวังการดำเนินโครงการขนาดใหญ่เหล่านี้
ในประเด็นของการจัดลำดับความสำคัญ
ไม่ระดมทำรวดเดียวใน
4 ปี
และการบริหารจัดการความเสี่ยงของโครงการ
ทั้งความเสี่ยงในการระดมทุนทางด้านต้นทุน
และความเสี่ยงจากประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ
สุดท้ายนี้ผมขอฝากว่า
วันนี้ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ของตน
ในการเฝ้าระวังการดำเนินนโยบายของรัฐบาล
อย่างเต็มที่
เราได้ทำการบ้านอย่างหนัก
เพื่อเตือนรัฐบาลว่า
ให้ระมัดระวัง
แต่วันนี้รัฐบาลกลับยืนยันอย่างมั่นใจว่า
ตนได้มาถูกทางแล้ว
จึงขอให้ร่วมกันจับตามองกันต่อไป
ว่าผลที่เกิดขึ้นจะเป็นเช่นไร
เมื่อรัฐบาลปฏิเสธที่จะฟังคำเตือน
|