ในปี 2549 เป็นปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ในหลายเรื่อง
โดยมีวาระที่มีความสำคัญทั้งในการเมืองระดับประเทศ และการเมืองระดับท้องถิ่น ได้แก่
เรื่องแรก การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) วันที่ 19 เม.ย. 2549
การเลือกตั้ง สว. ในปีนี้ แม้รัฐธรรมนูญฯห้ามมิให้ผู้สมัครสังกัดพรรคการเมือง
แต่ประเด็นที่ต้องจับตามอง
คือจะมีคนที่มีความสัมพันธ์กับพรรครัฐบาลเข้ามาในสภาสูงได้กี่คน
เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ที่ลงสมัคร สว.
ส่วนหนึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับพรรครัฐบาล
หรือเป็นคนที่พรรครัฐบาลส่งลงสมัครเพื่อยึดวุฒิสภา
ประชาชนควรให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะ สว.เสียงข้างมากในชุดที่กำลังจะครบวาระในปีนี้
มีข้อครหาในการทำงานที่ไม่เป็นกลางเพราะทำตามใบสั่งของรัฐบาล ดังนั้นหากต้องการให้
สว.ชุดใหม่มีความสามารถในการตรวจสอบและถ่วงดุลรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
ต้องช่วยกันเลือกผู้สมัครที่มีความคิดและจุดยืนเป็นของตนเอง
และไม่เลือกคนที่ยินดีทำตามใบสั่งของรัฐบาลโดยไม่ยึดมั่นในจิตสำนึกของตนเอง
เรื่องที่สอง การอภิปรายไม่ไว้วางใจและถอดถอนรัฐมนตรี
ในปี 2549 น่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีความเข้มข้นมากกว่าปีที่ผ่านมา
เพราะจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านมีครบ 125 เสียง
ทำให้สามารถเข้าชื่อกันเพื่อถอดถอนรัฐมนตรีในประเด็นทุจริตได้
อีกทั้งการบริหารงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา
ได้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันมากในประเด็นการทุจริตคอร์รัปชัน ผลประโยชน์ทับซ้อน
และความไม่โปร่งใส อีกทั้งศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลได้ลดลง
ซึ่งจะทำให้ประชาชนสนใจการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้มาก
จึงต้องคอยจับตาว่ารัฐบาลจะแก้ไขวิกฤตศรัทธา
และสามารถตอบคำถามของพรรคฝ่ายค้านได้หรือไม่
เรื่องที่สาม การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.)
และสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร (ส.ข.) ของ กทม.
การเลือกตั้ง ส.ก. และ ส.ข.เป็นประเด็นที่น่าจับตาอีกวาระหนึ่ง
เนื่องจากพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ดูจะให้ความสำคัญมาก ทั้งที่โดยปกติพรรคทรท.ไม่ได้เน้นการเลือกตั้งท้องถิ่น
แต่การเลือกตั้งใน กทม.เป็นข้อยกเว้น เพราะสนามเลือกตั้ง กทม.เป็นยุทธภูมิที่สำคัญ
การที่มี ส.ก.และ ส.ข.ของพรรคไทยรักไทยเข้าไปมาก อาจจะช่วยขัดขวางการทำงานของผู้ว่า
กทม.ซึ่งเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ และจะทำให้ ปชป.ไม่สามารถแสดงความสามารถของพรรคในการบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ยังเป็นสนามเลือกตั้งที่จะวัดได้ว่าประชาชน กทม.ยังให้ความนิยมในพรรค ทรท.อยู่อีกหรือไม่
ทั้ง 3 เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นประเด็นที่มีความสำคัญยิ่ง
และประชาชนควรจับตามองอย่างใกล้ชิด
เพราะเป็นวาระที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการตรวจสอบรัฐบาลในยุคที่ประชาชนขาดสิทธิเสรีภาพ
เป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารการทำงานของรัฐบาลผ่านระบบตรวจสอบในรัฐสภา
และเป็นช่องทางในการส่งสัญญาณไปยังรัฐบาล
เพื่อให้รัฐบาลทราบว่าประชาชนยังยินดีที่จะให้พรรครัฐบาลทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไปหรือไม่