Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์

เรียนมิตรสหายที่เคารพรักทุกท่าน

เริ่มมีการเปิดประเด็นให้แก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบการใช้รัฐธรรมนูญ วุฒิสภา ได้ชี้ให้เห็นว่า การตั้งคณะกรรมการสรรหา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (...) จะมีปัญหาเพราะในรัฐธรรมนูญ มาตรา 297 กำหนดให้องค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา คณะกรรมการในองค์กรอิสระ ต้องมีตัวแทน ส..จำนวน 5 คน พรรคละ 1 คน แต่ปัจจุบันมีพรรคการเมืองเพียง 4 พรรค ไม่ครบตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ทางแก้คือ อาจต้องเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 

ผมคิดว่าก่อนที่จะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว ประเด็นคำถามสำคัญที่ควรหาคำตอบร่วมกัน นั่นคือ “จำเป็นหรือไม่ที่ต้องมี ส.. เข้ามาเป็นกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ถ้าไม่มีตัวแทนจาก ส..หรือพรรคการเมือง องค์กรอิสระยังคงสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่หรือไม่ และการมีตัวแทนจาก ส.. บั่นทอนหรือส่งเสริมความเป็นอิสระขององค์กรอย่างไร

ในความคิดเห็นของผม ผมคิดว่า องค์กรอิสระไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนจากพรรคการเมือง เพื่อให้องค์กรเหล่านี้เป็นอิสระและดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง การที่มีตัวแทนจากพรรคการเมืองเป็นกรรมการสรรหา ย่อมต้องเกิดข้อสงสัยในเรื่องความเป็นกลาง การมีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง ก่อให้เกิดความคลุมเครือในความเป็นอิสระและการปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรมขององค์กรอิสระเหล่านี้ได้

ผมจำได้ว่า ในช่วงที่มีการร่างรัฐธรรมนูญได้มีผู้เสนอให้ตัดมิให้มีคณะกรรมการสรรหาที่มาจากพรรคการเมือง แต่ไม่ทราบด้วยเหตุผลกลใดจึงยังคงให้มีอยู่ ซึ่งหากเราตอบคำถามดังกล่าวไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด จึงจำเป็นต้องมี ส..เข้ามาเป็นกรรมการสรรหา หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ก็ควรเสนอให้ตัดทิ้งไปจะเหมาะสมกว่า และอาจจะทดแทนสัดส่วนดังกล่าว โดยเพิ่มตัวแทนของประชาชนและวิชาชีพ อาทิ ผู้แทนสถาบันภาคการผลิต ผู้แทนสหภาพแรงงาน ผู้แทนองค์กรภาคเอกชน ผู้แทนสื่อมวลชน ฯลฯ  ย่อมช่วยสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรอิสระให้สมดังเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญได้มากกว่า

หากรัฐธรรมนูญมีข้อบกพร่องและส่งผลต่อการปฏิรูปการเมือง ผมคิดว่า ภาคประชาชน สื่อมวลชน นักวิชาการ และนักการเมือง ไม่ควรนิ่งเฉย แต่ควรออกมาช่วยกันคิด ถกเถียง วิเคราะห์ เสนอแนะ และแก้ไข เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของประชาชนและเอื้อต่อการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง