เรียนมิตรสหายที่เคารพรักทุกท่าน
เริ่มมีการเปิดประเด็นให้แก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว
โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบการใช้รัฐธรรมนูญ
วุฒิสภา
ได้ชี้ให้เห็นว่า
การตั้งคณะกรรมการสรรหา
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.)
จะมีปัญหาเพราะในรัฐธรรมนูญ
มาตรา
297
กำหนดให้องค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา
คณะกรรมการในองค์กรอิสระ
ต้องมีตัวแทน ส.ส.จำนวน
5
คน พรรคละ
1
คน
แต่ปัจจุบันมีพรรคการเมืองเพียง
4
พรรค
ไม่ครบตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
ทางแก้คือ
อาจต้องเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ผมคิดว่าก่อนที่จะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว
ประเด็นคำถามสำคัญที่ควรหาคำตอบร่วมกัน
นั่นคือ
จำเป็นหรือไม่ที่ต้องมี
ส.ส.
เข้ามาเป็นกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ?
ถ้าไม่มีตัวแทนจาก
ส.ส.หรือพรรคการเมือง
องค์กรอิสระยังคงสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่หรือไม่
และการมีตัวแทนจาก
ส.ส.
บั่นทอนหรือส่งเสริมความเป็นอิสระขององค์กรอย่างไร
ในความคิดเห็นของผม
ผมคิดว่า
องค์กรอิสระไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนจากพรรคการเมือง
เพื่อให้องค์กรเหล่านี้เป็นอิสระและดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง
การที่มีตัวแทนจากพรรคการเมืองเป็นกรรมการสรรหา
ย่อมต้องเกิดข้อสงสัยในเรื่องความเป็นกลาง
การมีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง
ก่อให้เกิดความคลุมเครือในความเป็นอิสระและการปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรมขององค์กรอิสระเหล่านี้ได้
ผมจำได้ว่า
ในช่วงที่มีการร่างรัฐธรรมนูญได้มีผู้เสนอให้ตัดมิให้มีคณะกรรมการสรรหาที่มาจากพรรคการเมือง
แต่ไม่ทราบด้วยเหตุผลกลใดจึงยังคงให้มีอยู่
ซึ่งหากเราตอบคำถามดังกล่าวไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด
จึงจำเป็นต้องมี
ส.ส.เข้ามาเป็นกรรมการสรรหา
หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ก็ควรเสนอให้ตัดทิ้งไปจะเหมาะสมกว่า
และอาจจะทดแทนสัดส่วนดังกล่าว
โดยเพิ่มตัวแทนของประชาชนและวิชาชีพ
อาทิ
ผู้แทนสถาบันภาคการผลิต
ผู้แทนสหภาพแรงงาน
ผู้แทนองค์กรภาคเอกชน
ผู้แทนสื่อมวลชน
ฯลฯ
ย่อมช่วยสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรอิสระให้สมดังเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญได้มากกว่า
หากรัฐธรรมนูญมีข้อบกพร่องและส่งผลต่อการปฏิรูปการเมือง
ผมคิดว่า
ภาคประชาชน
สื่อมวลชน
นักวิชาการ
และนักการเมือง
ไม่ควรนิ่งเฉย
แต่ควรออกมาช่วยกันคิด
ถกเถียง
วิเคราะห์
เสนอแนะ และแก้ไข
เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของประชาชนและเอื้อต่อการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง
|