จากสถานการณ์การเมืองที่ร้อนระอุขึ้นทุกวัน
นับตั้งแต่การประกาศยุบสภาของท่านนายกรัฐมนตรี
การชุมนุมครั้งใหญ่ของประชาชนนับแสนคนที่ต้องการให้นายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง
เนื่องจากประชาชนเห็นว่านายกฯ หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ
รวมทั้งการรวมพลังของอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลขาดความจริงใจในการแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง
และเงื่อนงำในการประกาศยุบสภา
ซึ่งเป็นเพียงการซื้อเวลาและช่วงชิงความได้เปรียบให้กับตนเองเท่านั้น
กระแสการต่อต้านที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มที่จะลุกลามออกไปอย่างรวดเร็วจนยากจะหยุดยั้ง
ทำให้ตัวท่านนายกฯเองยังไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป
จนต้องออกมาประกาศขอขึ้นเวทีชี้แจงที่ท้องสนามหลวง โดยกล่าวว่า
วันที่
3
มี.ค.นี้ผมจะเปิดใจ
ผมถูกเล่นงานมานาน
ผมจะใช้สนามหลวงเปิดการปราศรัยใหญ่ ประชาชนคนใดต้องการจะฟังเชิญมาได้เลย
การปราศรัยของท่านนายก
ฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มี.ค. นี้แม้จะเป็นสิทธิที่ท่านสามารถทำได้
แต่ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า การปราศรัยใหญ่ครั้งนี้อาจจะกลายเป็นการเทน้ำมันราดไปบนกองไฟ
หากการปราศรัยดังกล่าวมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการชี้แจงอย่างมีเหตุผล
แต่กลับเป็นการใช้กลยุทธ์ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพื่อประลองกำลังหรือสำแดงแสนยานุภาพว่า
ใครมีกำลังคนเหนือกว่า
หากยังยืนยันจะปราศรัย ผมอยากเห็นการปราศรัยที่เกิดขึ้นในวันที่
3 มี.ค. นี้ เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ มิใช่เพื่อการตอบโต้เพียงเพื่อเป็นการแก้แค้นม๊อบ
ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่ท่านนายก ฯ ต้องพึงระวังให้มากคือ
การใช้คำพูดที่ไม่สร้างสรรค์
คำพูดเสียดสี แสดงอารมณ์ที่โกรธแค้น ต้องการเอาชนะ
นอกจากจะไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว
ยิ่งทำให้เกิดความเคียดแค้นชิงชังและแสดงให้ประชาชนทั่วประเทศเห็นถึงการขาดวุฒิภาวะความเป็นผู้นำประเทศอีกด้วย
ผมจึงอยากเห็นเวทีการปราศรัยของท่านนายกฯ
เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ด้วยการพูดชี้แจงด้วยเหตุและผล
เปิดใจให้คนที่มีข้อสงสัยได้ซักถามให้กระจ่าง
มิใช่เป็นเพียงเวทีในการแก้แค้นหรือแก้ตัวเท่านั้น
การขนม็อบมาชนม็อบ
การจัดเวทีปราศรัยในสถานที่เดียวกัน
และในวันเวลาที่ใกล้เคียงกับฝ่ายผู้ชุมนุมต่อต้านนายกฯ
นับเป็นการกระทำที่ท้าทายต่ออีกฝ่าย
และเป็นความเสี่ยงอย่างมากที่จะเกิดการเผชิญหน้าและปะทะกันด้วยความรุนแรง
เพราะมีความเป็นไปได้ที่ต่างฝ่ายต่างจะมีการขนม็อบที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองมาประจัญหน้ากัน
ดังนั้นผมจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง หากจะมีการขนม็อบมาเพื่อฟังการปราศรัยในวันที่ 3
มี.ค. นอกจากนี้ท่านนายกฯ เองได้เคยกล่าวว่า
ขอให้คนที่เชียร์ท่านหรือชื่นชอบท่านไม่ต้องออกมาชุมนุมใด ๆ ทั้งสิ้น
เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งผมหวังว่าการปราศรัยใหญ่ในครั้งนี้
ท่านคงจะไม่กลืนน้ำลายตัวเอง
การเลือกปฏิบัติ
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีการเลือกปฏิบัติของหน่วยงานภาครัฐ
ในการอำนวยความสะดวกหรือการดูแลประชาชนที่มาฟังการปราศรัย
ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่พอใจของประชาชนตามมาได้
ทั้งนี้ในการชุมนุมวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา
ได้มีการปิดกั้นด้านข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐค่อนข้างมาก อาทิ การปิดเว็บไซต์
หรือการปิดคลื่นวิทยุชุมชนที่มีการถ่ายทอดบรรยากาศการชุมนุม
หรือมีความพยายามควบคุมการถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์
ASTV
แต่หากการปราศรัยของนายก ฯ ในวันที่ 3 มี.ค.
หน่วยงานภาครัฐกลับเลือกปฏิบัติโดยอนุญาตให้มีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ทุกช่องหรือวิทยุทุกคลื่น
การกระทำดังกล่าวย่อมก่อให้เกิดข้อกังขาในสังคม ถึงความไม่เป็นธรรมในการใช้อำนาจรัฐ
ที่พยายามเอารัดเอาเปรียบผู้ที่อ่อนแอกว่าในทุกวิถีทาง
ทั้งนี้ต้องคำนึงเสมอว่านายกได้ใช้เวลาและโอกาสของสื่อข่าวของราชการในการชี้แจงเรื่องต่างๆ
ตลอดเรื่อยมาอยู่แล้ว มิใช่เพื่อจะมีโอกาสชี้แจงในครั้งนี้เท่านั้น
ผมหวังว่าการปราศรัยใหญ่ของท่านนายก ฯ ในวันที่ 3
มี.ค. นี้ จะเป็นไปด้วยความสร้างสรรค์
สงบเรียบร้อยและสามารถทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดคลี่คลายลงไปได้
แต่หากไม่ระมัดระวังในสิ่งที่ผมได้เตือนข้างต้นนี้
ท่านนายกฯเองคงจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด