การประชุมสภาผู้แทนฯ เมื่อ 31 ส.ค. 2548 ที่ประชุมได้ร่วมกันอภิปรายร่าง
พ.ร.บ.งบประมาณปี 2549 ผมได้อภิปรายงบประมาณฉบับนี้ โดยใช้คำว่าเป็น
การจัดทำงบประมาณ ไม่สร้างสรรค์ คำว่า ไม่สร้างสรรค์ ในที่นี้
ไม่ได้หมายความว่า การทำแบบเดิม ๆ หรือไม่คิดค้นสิ่งใหม่
แต่หมายความว่าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ การจัดทำงบประมาณฉบับนี้ไม่สร้างสรรค์อย่างไร
ผมขออธิบายใน 3 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นแรก
จัดงบประมาณไม่ถูกกาลเทศะ
ภาวะปัจจุบันเศรษฐกิจชะลอตัวลงกว่าสมมติฐานของการจัดทำงบประมาณมาก
จึงมีความเสี่ยงที่รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้ไม่เป็นไปตามเป้า
หรือทำให้ขาดดุลงบประมาณ
การจัดสรรงบประมาณเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตช้าลง
พร้อมกับระดับราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น
อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันและปัญหาภัยธรรมชาติ
การบริหารเศรษฐกิจในภาวะเช่นนี้เป็นลักษณะ
หนีเสือปะจระเข้
การเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้มีปัญหาเงินเฟ้อ
แต่การควบคุมเงินเฟ้อจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม
ผมเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้จ่ายของภาครัฐ
เพราะจะยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอีก
แต่ควรเน้นการรักษาเสถียรภาพมากกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับที่ไม่เลวร้าย
แต่อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย
ๆ
เนื่องมาจากราคาน้ำมันยังคงไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
ซึ่งจะทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อนเพราะราคาสินค้าสูงขึ้น
ประเด็นที่สอง จัดงบประมาณไม่ถูกที่ถูกทาง
งบประมาณหลายส่วนไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ อาทิ
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัดและโครงการ
SML
ถูกจัดไว้ในงบกลาง
ทั้งที่ควรจะเป็นความรับผิดชอบของมหาดไทยหรือการปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดงบประมาณดังกล่าวมุ่งเน้นให้นายกฯ
สะดวกใช้
กล่าวคือ ไม่ต้องกำหนดโครงการล่วงหน้า หรือไม่ต้องมีรายละเอียดของโครงการ
และไม่ต้องผ่านระบบปกติของการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเหมือนโครงการอื่น ๆ
ที่ถูกเสนอเข้ามาของบประมาณ
ประเด็นที่สาม
จัดงบประมาณไม่ถูกขั้นตอน
รัฐบาลจัดงบประมาณเพื่อการจัดซื้อฮาร์ดแวร์ทั้งที่ยังขาดความพร้อมด้านคนและซอฟท์แวร์
เห็นได้จากการจัดงบจัดซื้อคุรุภัณฑ์คอมพิวเตอร์รวม
6,316
ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าทุกปีที่จัดให้เพียง
2-3
พันล้านบาท แต่ปัญหาคือข้าราชการจาก
280
กรมเสนอโครงการเข้ามา มีไม่ถึง
20
กรมที่บุคลากรที่มีความรู้ สามารถเขียนโครงการของบประมาณอย่างคุ้มค่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
กระทรวงศึกษาธิการซึ่งมีโครงการติดตั้งคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตโรงเรียน
1,006
หน่วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงบในการจัดซื้อด้านฮาร์ดแวร์
แต่ครูและนักเรียนยังขาดความรู้และทักษะด้าน
IT
รวมทั้งนโยบาย 1
คน 1
โน้ตบุ๊ก ที่เน้นการจัดซื้อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กแจกนักเรียน ทั้ง ๆ
ที่นักเรียนจำนวนมากใช้งานและบำรุงรักษาไม่เป็น
ที่สำคัญคือยังไม่มีการพัฒนาเรื่องจริยธรรมการใช้
IT
ซึ่งจะทำให้นักเรียนใช้โน้ตบุ๊กผิดวัตถุประสงค์