Go www.kriengsak.com ประวัติ ครอบครัว งานวิชาการ กิจกรรม Press Contact us ค้นหา


งบปี 49 ‘ไม่สร้างสรรค์’
..................................................



เกรียงศักดิ์ ชี้การจัดงบประมาณรายจ่ายปี
49 ‘ไม่สร้างสรรค์เหตุเพราะการจัดทำงบประมาณไม่ถูกกาลเทศะ ไม่ถูกที่ถูกทาง และไม่ถูกขั้นตอน           

ดร
.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กรรมการบริหารและ ส..บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในวาระการพิจารณาร่าง พ...งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ..2549 ในวาระที่ 3 โดยแปรญัตติตัดงบประมาณลงร้อยละ 6 จากที่ตั้งไว้ 1.36 ล้านล้านบาท เนื่องจากการจัดทำงบประมาณ ไม่สร้างสรรค์ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

การจัดงบฯ ไม่ถูกกาละเทศะ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งเป็นภาวะผิดปกติ เพราะเศรษฐกิจชะลอตัวลง พร้อม ๆ กับอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น อันเกิดจากปัจจัยด้านอุปทาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันและภัยธรรมชาติ ในภาวะเช่นนี้ รัฐบาลไม่ควรเน้นมาตรการใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นอุปสงค์ เพราะแม้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว แต่ยิ่งจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีก รัฐบาลควรเน้นเป้าหมายควบคุมเงินเฟ้อ มากกว่าเน้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ เพราะอัตราการขยายตัวยังอยู่ในระดับที่ไม่เลวร้าย แต่หากเงินเฟ้อสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง และกระทบผู้มีรายได้น้อยมากกว่า”            

ประการที่สอง จัดงบฯ ผิดที่ผิดทาง งบประมาณไม่อยู่ในที่ที่ควรอยู่ เช่น งบผู้ว่าซีอีโอและเอสเอ็มแอล ซึ่งควรอยู่กับมหาดไทย แต่กลับจัดอยู่ในงบกลาง และค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์ฯ ที่ควรกระจายอยู่ตามหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบ แต่รัฐบาลรวบมาอยู่ที่งบกลาง เพื่อให้หัวหน้าคณะรัฐมนตรี คือ นายกฯ สะดวกใช้ โดยไม่ต้องมีรายละเอียดของโครงการ ไม่ต้องผ่านระบบปกติของการพิจารณาจัดสรรงบฯ เมื่อหน่วยงานที่เชี่ยวชาญและรับผิดชอบโดยตรงในการใช้งบประมาณนั้น ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ จะทำให้งบถูกใช้จ่ายอย่างไม่มีประสิทธิภาพ กระเซ็นกระสาย ไม่มียุทธศาสตร์ และไม่มีการจัดลำดับความสำคัญ”           

ประการสุดท้าย จัดงบฯ ไม่ถูกลำดับขั้นตอน ซึ่งทำให้การใช้งบขาดประสิทธิภาพ และทำให้โครงการที่ควรได้รับงบก่อนกลับได้รับไม่เต็มที่ ตัวอย่างที่ชัดเจนคืองบด้านไอที ซึ่งรัฐบาลเน้นการจัดซื้อคุรุภัณฑ์คอมพิวเตอร์หรือฮาร์ดแวร์มากกว่าปีก่อน ๆ 2-3 เท่าตัว โดยที่คนหรือพีเพิ้ลแวร์ยังไม่พร้อม สวนทางกับขั้นตอนการพัฒนางานด้านไอที ที่ต้องพัฒนาพีเพิ้ลแวร์ก่อน ซอฟท์แวร์ตามมา และฮาร์ดแวร์เป็นลำดับหลังสุด ปัจจุบัน ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ด้านไอที และมีเพียง 20 กรมจาก 280 กรมที่บุคลากรที่มีความรู้เพียงพอ โครงการด้านไอทีส่วนใหญ่ที่เขียนมาของบประมาณจึงไม่คุ้มค่า

 ..................................................