นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
รองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ
สภาผู้แทนราษฎร กรรมการบริหาร และ
ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคประชาธิปัตย์
ชี้ประเด็นที่รัฐบาลออกตั๋วเงินคลังเพิ่มอีก
8 หมื่นล้านบาท
โดยรัฐบาลให้เหตุผลว่ารัฐบาลจำเป็นต้องออกตั๋วเงินคลังเพื่อให้เกิดสภาพคล่องในระบบการคลังนาย
เกรียงศักดิ์ระบุว่ามี 3
ประเด็นที่มีความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการดังกล่าว
ดังนี้
ประการแรกการบริหารการคลังที่ไม่รอบคอบของรัฐบาลทักษิณที่ใช้จ่ายเงินอย่างไม่คิดถึงอนาคต
รัฐบาลใช้งบกลางปีถึง 50,000
ล้านบาท
แม้จะมีหลายรายการที่เป็นความเร่งด่วน
เช่น ปัญหาภัยแล้ง สึนามิ
หรือปัญหาภาคใต้
แต่ก็มีหลายรายการที่ไม่ใช่ความเร่งด่วน
เช่น SME, ผู้ว่า CEO
และรายการเหล่านี้มีสัดส่วนมากกว่ารายการที่มีความเร่งด่วนจากงบกลางปีทั้งหมดงบกลางปีนี้
เกิดจากรายได้จากการเก็บรายได้เกินเป้าในปีงบประมาณ
2548
ซึ่งตามปกติเงินส่วนนี้ควรเข้าเป็นเงินคงคลัง
แต่รัฐบาลกลับนำไปใช้นอกในงบประมาณ
ส่งผลให้เงินคงคลังมีจำนวนเหลือน้อยมากจนกระทั่งเกิดภาวะขาดสภาพคล่องจนต้องออกตั๋วเงินคลัง
นายเกรียงศักดิ์เปรียบเทียบว่าเหมือนคนที่วางแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อให้เพียงพอกับรายได้แล้วแต่เมื่อสิ้นปีได้โบนัส
ก็เอาเงินโบนัสไปใช้จนเกลี้ยง
จึงไม่มีเงินเหลือเก็บ
ต่อมาเกิดจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน
ก็ไม่มีใช้จึงต้องไปกู้เครดิตดอกโหดระยะสั้น
แต่รัฐบาลไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไปหากรัฐบาลถังแตก
ประชาชนอีก 60 ล้านคนก็เดือดร้อน
และเป็นการก่อหนี้ภาครัฐมากขึ้นด้วย
ทั้งๆที่ประเทศมีหนี้สาธารณะสูงอยู่แล้วทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยตั๋วเงินคลังเป็นการการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น
ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลควรทราบอยู่แล้วก่อนที่จะตั้งงบประมาณว่าเงินคงคลังที่มีเหลือน้อยนั้นจะส่งผลให้ขาดสภาพคล่องได้
ซึ่งทำให้รัฐบาลควรตั้งงบประมาณให้ต่ำลง
แล้วใช้งบประมาณเกินดุลเพื่อเพิ่มเงินคงคลังรัฐบาลเพื่อรัฐบาลจะเพื่อเงินคงคลังพอที่จะเกิดสภาพคล่องได้
หากรัฐใช้งบประมาณสมดุลจะไม่ทำให้เงินคงคลังเพิ่มขึ้น
ซึ่งจะเกิดปัญหานี้ต่อไปในช่วงต้นปีงบประมาณของปีต่อไป
ประการที่สองการใช้จ่ายเกินตัวตามใจชอบ
แม้ว่างบประมาณในปีนี้จะตั้งแบบสมดุล
แต่มีหลายรายการที่ส่อเค้าว่ารัฐบาลใช้จ่ายอย่างตามใจชอบ
เช่น Megaproject
หรือโครงการอื่นๆ
แต่ที่เห็นได้ชัดคือการตั้งงบกลางซึ่งเป็นงบที่สามารถใช้ทำอะไรก็ได้เป็นจำนวนมาก
และเงินจำนวนมากนี้ทำให้รัฐบาลลำบากในการหาเงินมาใช้
ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น
โครงการรถไฟฟ้า
ที่รัฐบาลรู้ทั้งรู้ว่าเป็นนโยบายที่ชื่นชอบของประชาชนซึ่งนโยบายอย่างนี้
รัฐบาลไม่ลังเลที่จะทำอยู่แล้วแต่รัฐบาลกลับตัดเส้นทางรถไฟฟ้า
2 สาย ทั้งๆ
ที่รู้ว่าจะกระทบต่อคะแนนเสียงของตน
แสดงให้เห็นว่างบประมาณนั้นถูกใช้จ่ายมากจนหารายได้มาไม่ทันจริงๆ
รัฐบาลจึงจำเป็นต้องพลิกตำรา
เพื่อหาเงินมาสนับสนุนรวมทั้งการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งอยู่ถือเป็น ท่าไม้ตาย
หนึ่งของรัฐบาลนี้แต่เหตุการณ์พลิกผันมาเป็นว่าการขาย
กฟผ.
ที่แต่เดิมตั้งใจว่าจะขายในกลางเดือน
พฤศจิกายนนี้เป็นอันต้องเลื่อนไปการขาย
กฟผ.
ในครั้งนี้ที่รัฐบาลตั้งใจจะขายหุ้น
25% คิดเป็นมูลค่าประมาณถึง 5
หมื่นล้าน
เมื่ออ้อยทั้งป่าที่ทำท่าว่าจะเข้าปากช้างอยู่รอมร่อกลับหายไป
จึงทำให้รัฐบาลเกิดเงินช็อต
สส.ปชป. ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า
การที่รัฐบาลขาดรายได้จากการขาย
กฟผ. ซึ่งรัฐบาลคาดว่าจะเป็นแหล่ง
support เงินของรัฐบาล
ทำให้ขาดสภาพคล่องจนต้องออกตั๋วเงินคลังดังกล่าว
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น
ก็เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังใช้จ่ายเกินตัวไปแล้ว
แม้ดูเหมือนว่าจะตั้งงบประมาณแบบสมดุล
เนื่องจากรายได้จากการขายรัฐวิสาหกิจ
ไม่ควรถูกนำมาคิดเป็นทางหารายได้ของรัฐบาลที่จะนำมาชดเชยการใช้จ่ายภาครัฐถ้ารัฐบาลหมายมั่นปั้นมือให้รายได้จากการขาย
กฟผ.
เป็นตัวหลักในการสนับสนุนงบประมาณจริงๆ
ก็แสดงว่าการงบประมาณนั้นไม่ได้ถูกคิดอย่างรอบคอบเลย
ประการสุดท้าย
แผนการใช้เงินรัฐบาลพูดถึงแผนการใช้เงินว่า
เพื่อความคล่องตัวในการบริหารเงินสดของรัฐบาลเป็นคำพูดที่มีความหมายกว้าง
และสามารถยืดหยุ่นได้มากหากถูกเงินที่ได้จากตั๋วเงินคลังนี้
ถูกนำไปใช้เพื่อไปเงินสดสำรองเพื่อใช้ในการเบิกจ่ายอย่างเดียว
แต่หากงบประมาณส่วนนี้ถูกนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นที่มิได้อยู่ในงบประมาณประจำปีแล้วอย่างนี้ถือว่ายอมไม่ได้
นายเกรียงศักดิ์พูดปิดท้ายว่า
รายได้ส่วนนี้จะกลายเป็น งบลับ
ของรัฐบาลที่อาจนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น
ที่ว่า งบลับ
นั้นก็เนื่องจากหากงบประมาณถูกใช้จากรายได้จากตั๋วเงินคลังนั้น
จะไม่ถูกบันทึกลงในงบประมาณรายจ่ายประจำปีรัฐบาลจะเพียงแต่บันทึกลงในงบประมาณรายจ่ายประจำปี
2550
ในฐานะหนี้ผูกพันของรัฐบาลที่ต้องใช้คืนเท่านั้นซึ่งเป็นการยากในการตรวจสอบ
ดั้งนั้นท่านนายกฯ
จำเป็นต้องออกมาให้ความกระจ่างและให้ความโปร่งใสของรายได้จากตั๋วเงินคลังนี้ว่ารายได้จะไม่นำไปใช้เพื่อการอื่นนอกจากเป็นเงินที่สำรองไว้เพื่อสภาพคล่องในการเบิกจากตามงบประมาณประจำปีปกติเท่านั้นเพื่อความโปร่งใสของรายได้ในส่วนนี้
ต้องคอยติดตามกันต่อไปว่าเงินคงคลังจะร่อยหรอลงไปอีกหรือไม่
..................................................
|