เกรียงศักดิ์ ให้ฉายางบปี 49 ‘งบจอมเสี่ยง’
ระบุ 3 ลักษณะงบปี 49 ‘จอมฝัน’
นำไปสู่ การขูดรีดภาษี ‘จอมแอบ’
นำไปสู่ การซ่อนหนี้ และ ‘จอมฮั้ว’
ทำให้เกิดความสะดวกโกงกิน
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
รองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนฯ กรรมการบริหารและ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์
ได้อภิปรายในวาระการพิจารณารับหลักการของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ.2549 เมื่อวันที่ 30
มิ.ย.2548
โดยวิพากษ์การจัดงบฯว่า เป็น ‘งบจอมเสี่ยง’
เพราะนำพาความเสี่ยง 3 ด้าน
“งบปี 49 เป็น ‘งบจอมฝัน’
ฝันว่าเศรษฐกิจปี 48 จะขยายตัว
4.5-5.5% ทั้งที่แนวโน้มน่าจะโตแค่ 4%
เท่านั้น เพราะสมมติฐานการจัดเก็บรายได้ไม่สมจริง ประการแรกที่กำหนดว่า
ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 2548 ที่ 44
ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไม่จริง เพราะเฉลี่ย 5
เดือนแรกอยู่ที่ 43.2 ดอลลาร์ฯ แล้ว
และครึ่งปีหลังราคาจะสูงขึ้นทุกปี ราคาเฉลี่ยน่าจะเป็น 50-55
ดอลลาร์ฯ
ส่วนสมมติฐานส่งออกขยายตัว 18%
เป็นไปได้ยาก เพราะ 4 เดือนแรก ส่งออกขยาย 10.9%
หากจะให้ถึง 18% อีก 8
เดือนที่เหลือต้องขยายถึง 27.78%”“ส่วนสมมติฐานที่ระบุว่า นักท่องเที่ยวปี 48
ต้องเพิ่มขึ้นเป็น 12.57 ล้านคน
ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะนักท่องเที่ยวเข้าไทย 2 ไตรมาสแรก
จะมีเพียง 5.29 ล้านคน ดังนั้น 2
ไตรมาสสุดท้ายต้องมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง
18.57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนสมมติฐานสุดท้าย คือการเร่งเบิกจ่ายงบเพิ่มเติมปี
48 และงบฯปี 2546–2547 ที่ยังค้างอยู่ไม่น้อยกว่า
80% เป็นไปได้ค่อนข้างยาก เพราะงบดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นงบลงทุน และงบลงทุนในปีงบประมาณ
2548 ถึงปัจจุบัน มีการเบิกจ่ายเพียง 48.92% เท่านั้น การฝันว่าเศรษฐกิจจะโต
เสี่ยงว่าจะเก็บรายได้ไม่ถึงเป้า ทำให้ประชาชนถูกขูดรีดภาษีมากขึ้น
9.3 หมื่นล้านบาท”
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวถึงลักษณะประการต่อมาว่าเป็น ‘งบจอมแอบ’
โดยให้เหตุผลว่า
การจัดทำงบประมาณนำพาความเสี่ยงในการก่อหนี้สาธารณะและภาระผูกพันมากขึ้น
เพราะรัฐบาลได้พัฒนาวิธีการซ่อนหนี้และภาระผูกพันมากขึ้น อาทิ
การให้ธนาคารรัฐปล่อยกู้ตามนโยบายรัฐ
การแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อย้ายหนี้รัฐวิสาหกิจออกจากบัญชีหนี้สาธารณะ การจัดตั้ง
SPV เพื่อกู้เงินทุนจากเอกชน โดยไม่ปรากฏเป็นหนี้สาธารณะ
รวมทั้งการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่คุ้มค่า ทำให้รัฐต้องอุดหนุนในระยะยาว
โดยเท่าที่ค้นพบมีมูลค่าภาระผูกพันและหนี้ที่ซุกอยู่รวมกันถึง 546,944
ล้านบาทเป็นอย่างน้อย ซึ่งการระดมทุนด้วยวิธีการเหล่านี้
จะกลายเป็นหนี้สาธารณะจำนวนมากในอนาคต หากเศรษฐกิจถดถอยหรือเข้าสู่วิกฤต
“ลักษณะประการสุดท้าย ‘งบจอมฮั้ว’
โดยเฉพาะการจัดงบปี 49
โดยเฉพาะการลงทุนในเมกะโปรเจคต์ เพราะรัฐบาลยังไม่มีแนวทางการระดมทุนที่ชัดเจน
จึงเป็นไปได้สูงที่จะนำวิธีการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการเหมาแบบเบ็ดเสร็จ หรือ
Turn Key มาใช้
เพราะวิธีนี้ผู้รับเหมาจะรับผิดชอบระดมทุนเอง แต่วิธี Turn Key
จะมีการออกแบบไปพร้อมกับการก่อสร้าง
ทำให้การควบคุมและตรวจสอบงานทำได้ยาก
และวิธีการนี้จะมีผู้รับเหมาน้อยรายที่จะมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดให้มีสิทธิเข้าแข่งขันในการประกวดราคา
จึงเป็นช่องทางให้เกิดการฮั้วประมูล และเปิดช่องให้สะดวกต่อการโกงกิน”
สส.ปชป.กล่าว
..................................................
|