เกรียงศักดิ์ ระบุ ‘รัฐบาลลวง’
ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่น
หากยังลวงความจริงเพียงบางด้าน
ลวงด้วยนโยบายไม่สมจริง
ลวงด้วยความคลุมเครือของนโยบาย
และลวงว่ารัฐบาลโปร่งใส
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
รองประธานคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ
กรรมการบริหาร และส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง
การที่นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาเรื่องแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น
เมื่อวานนี้ (12 ก.ค. 2548)
โดยเรียกร้องให้ประชาชนเชื่อมั่นในรัฐบาล
ว่าอาจไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้มากนัก
หากรัฐบาลชุดนี้ยังเป็น ‘รัฐบาลลวง’
“ประการแรก
ลวงด้วยความจริงเพียงบางด้าน
ผมเห็นด้วยว่า
ตัวเลขทางเศรษฐกิจในปัจจุบันบางตัวยังดีอยู่
แต่ตัวเลขบางตัวมีแนวโน้มน่าเป็นห่วง
ซึ่งรัฐบาลพยายามไม่บอกให้ประชาชนทราบ
ตัวอย่างเช่น
ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นจริง
แต่สูงขึ้นเพราะภัยแล้งทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย
แม้ว่ารายได้ของผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญเพิ่มขึ้น
19.7% แต่ GDP ภาคเกษตรติดลบ
8.2%”
“นายกบอกว่ากำลังซื้อของประชาชนยังดีอยู่
โดยอ้างภาษีที่เพิ่มขึ้น 19.7%
แต่ที่จริง
มาจากภาษีเงินได้ปิโตรเลียมและภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
ภาษีนิติบุคคลที่เพิ่มขึ้น
เพราะกำไรของธุรกิจในปี 47
ไม่ใช่ปีนี้
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเรื่อย
ๆ ส่วนการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 5
เดือนแรก ขาดดุลฯ 4.67
พันล้านดอลลาร์
หากยังขาดดุลในอัตรานี้
ตลอดทั้งปี จะขาดดุลถึง -6% GDP”
“สอง ลวงด้วยนโยบายที่ไม่สมจริง
แนวทางของรัฐบาลมีจุดประสงค์
เพิ่มรายได้และลดรายจ่าย
โดยขึ้นค่าตอบแทน
และอัดฉีดเงินลงทุนของภาครัฐ
เพื่อขยายการจ้างงาน
ซึ่งดูเหมือนเหมาะสมกับภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น
แต่การกระตุ้นด้านอุปสงค์
ยิ่งทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
ทำให้รายได้ที่แท้จริงไม่เพิ่มขึ้น
และอาจทำให้การว่างงานเพิ่มขึ้นด้วย
เพราะนายจ้างมีต้นทุนสูงขึ้น
อาจทำให้ต้องปลดคนงานออก”
“การจูงใจให้เอกชนเพิ่มค่ายังชีพให้พนักงาน
โดยให้ลดหย่อนภาษีได้ 200%ไม่สมจริง
เพราะต้นทุนของผู้ประกอบการสูงอยู่แล้ว
จึงไม่ยินดีเพิ่มต้นทุนค่าจ้างขึ้นอีก
จึงเป็นเพียงการพูดในเชิงการเมืองเท่านั้น
ส่วนการส่งออกขยาย 20%
จะทำได้อย่างไร เพราะ 5 เดือน
ส่งออกโตแค่ 13% หากจะให้ถึงเป้า
อีก 7 เดือนต้องโต 27%
และการพูดว่าสหรัฐและอียูยินดีคืนสิทธิพิเศษการนำเข้ากุ้งจากไทย
ไม่สมเหตุผล
เพราะประเทศเหล่านี้รักษาผลประโยชน์ของตนเอง
เว้นเสียแต่ว่า
รัฐบาลได้แลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่างที่ประชาชนยังไม่รู้”
“สาม
ลวงด้วยความคลุมเครือของนโยบาย
โดยเฉพาะ
โครงการเมกะโปรเจกต์ที่ยังไม่เห็นความชัดเจนของโครงการ
รัฐบาลไม่สามารถชี้แจงเหตุผล
เพื่อคลายข้อกังวลต่าง ๆ ได้ อาทิ
รายละเอียดของการลงทุนในโครงการต่าง
ๆ ยังไม่มีความชัดเจน
การเร่งลงทุนจะทำให้เกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างรุนแรง
และทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น
แนวทางการระดมทุนเป็นอย่างไร
มีความน่าสนใจในการลงทุนหรือไม่
และจะกลายเป็นภาระต่องบประมาณในอนาคต
เพราะรัฐต้องชำระหนี้
และอุดหนุนอย่างไม่สิ้นสุด”
“ประการสุดท้าย
ลวงว่ารัฐบาลโปร่งใส
รัฐบาลพยายามปกป้องว่าคนในรัฐบาลไม่มีการทุจริต
แต่การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ 1.7
ล้านล้านบาท
ยังไม่มีแนวทางที่สร้างความมั่นใจได้ว่า
จะไม่เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน
เหมือนโครงการที่ผ่านมา
ขณะที่รัฐบาลไม่ได้ทำสงครามปราบปรามคอร์รัปชัน
ตามที่ได้สัญญาอย่างจริงจัง”
“หากรัฐบาลไม่สามารถสร้างความจริง
ความสมจริง ความชัดเจนของนโยบาย
และความโปร่งใสได้
การขอร้องให้ประชาชนเชื่อถือต่อรัฐบาล
ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะการกระทำ
ย่อมดังกว่าคำพูด” ส.ส. ปชป.
กล่าว
..................................................
|