Go www.kriengsak.com ประวัติ ครอบครัว งานวิชาการ กิจกรรม Press Contact us ค้นหา


ครม.ปรับใหญ่ ช่วยแก้ปัญหา ศก.ได้จริงหรือ?
..................................................


เกรียงศักดิ์ วิเคราะห์เหตุ ปรับ ครม.ชุดใหญ่ หวังผลทางการเมือง กลบกระแส CTX ลดอำนาจต่อรองวังน้ำยม และเล่นเก้าอี้ดนตรี ไม่มีอะไรใหม่ ไม่น่าจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้

ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กรรมการบริหาร และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นถึงเหตุผลของการปรับคณะรัฐมนตรี ชุดทักษิณ 2/2 ซึ่งเป็นการปรับครั้งใหญ่ว่า รัฐบาลน่าจะมีวัตถุประสงค์หลัก 4 ประการ คือ เพื่อลดกระแสความไม่เชื่อมั่นต่อ รมว.คมนาคมในกรณี CTX เพื่อจัดสรรผลประโยชน์และอำนาจต่อรองภายในพรรค เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างของ รมช.พาณิชย์ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ทั้งหมดนี้ รัฐบาลมีแรงจูงใจทางการเมืองมากกว่าการแก้ไขปัญหาของชาติ

“รัฐบาลพยายามสร้างภาพว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะมีการปรับตำแหน่งรัฐมนตรีถึง 17 ตำแหน่ง แต่ในความเป็นจริง การปรับใหญ่เป็นไปเพื่อบิดเบือนเหตุผลของการปรับนายสุริยะออกจากกระทรวงคมนาคม โดยพยายามทำให้ดูเหมือนว่ากระทรวงอื่น ๆ ก็ปรับกันหมด ดังนั้นกระทรวงคมนาคมก็ปรับด้วยเหตุผลเดียวกัน เพื่อกลบเกลื่อนว่าไม่ใช่เพราะปัญหา CTX จึงย้ายนายสุริยะไปกระทรวงอื่น การปรับใหญ่ครั้งนี้จึงเป็นการลดกระแสเรียกร้องให้ปรับนายสุริยะออกจากตำแหน่ง และยังเป็นความพยายามส่งสัญญาณว่า นายสุริยะไม่บกพร่องในเรื่อง CTX”

“การปรับ ครม.ครั้งนี้ นายกฯ ยังใช้เป็นโอกาสในการลดอำนาจต่อรองของบางมุ้งในพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มวังน้ำยม ที่พยายามแสดงพลังและเรียกร้องตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา การปรับตำแหน่งนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นแกนนำของกลุ่มวังน้ำยม จาก รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไปเป็น รมว.แรงงาน ซึ่งมีความสำคัญน้อยลง จึงเป็นการสั่งสอนมุ้งต่าง ๆ ไม่ให้พยายามเรียกร้องตำแหน่งหรือพยายามสร้างอำนาจต่อรองภายในพรรค”

“เหตุผลอีกประการหนึ่งในการปรับ ครม.ขนานใหญ่ คือ รัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง กระแสความนิยมกำลังตกต่ำ รัฐบาลจึงพยายามสร้างสีสรรทางการเมือง โดยการปรับใหญ่ให้ดูน่าตื่นเต้น แต่เมื่อวิเคราะห์ในรายละเอียดของการปรับ ครม. จะพบว่า รัฐมนตรีใน ครม.ชุดใหม่ส่วนใหญ่เป็นคนเดิมที่เล่นเก้าอี้ดนตรีสลับตำแหน่งกัน ถึงแม้ว่าจะมีคนใหม่เข้ามา 4 คน แต่เป็นคนที่เคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว 1 คน อีก 3 คนเป็นคนใหม่แต่มีหัวหน้าเป็นคนเดิม และไม่ใช่คนที่จะมาดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ ฉะนั้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจน่าจะเป็นแบบเดิม ๆ ไม่ได้มีอะไรใหม่“

“ถึงแม้ว่า การปรับ ดร.สมคิดมาเป็น รมว.พาณิชย์ อาจจะสร้างความเชื่อมั่นในเชิงจิตวิทยาได้ในระดับหนึ่งว่า จะช่วยทำให้การส่งออกขยายตัวได้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากดร.สมคิดมีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ดร.สมคิดก็ทำหน้าที่ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมดอยู่แล้ว และนโยบายหลัก ๆ ส่วนใหญ่มาจากนายกรัฐมนตรีและทีมงานด้านนโยบายของพรรคไทยรักไทย ดังนั้นแม้จะเปลี่ยนรัฐมนตรี แต่แนวคิดและแนวทางแก้ปัญหาจึงไม่น่าจะมีอะไรที่แตกต่างจากเดิมมากนัก“

“ส่วนการปรับ ดร.ทนง พิทยะ ไปคุมกระทรวงการคลังนั้น แม้ว่าดร.ทนง เคยคุมกระทรวงการคลังเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ในปี 2540 ถึงกระนั้น การเข้ามาดูแลกระทรวงการคลังน่าจะใกล้เคียงกับความเชี่ยวชาญของ ดร.ทนง มากกว่ากระทรวงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม นโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในกระทรวงการคลังได้มีการเตรียมการไว้ทั้งหมดแล้ว การที่ ดร.ทนง เข้าไปนั่งในกระทรวงการคลัง จึงไม่น่าจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายแต่อย่างใด”

นายเกรียงศักดิ์ ยังได้ฝากข้อเสนอไปถึงรัฐมนตรีใหม่ในกระทรวงเศรษฐกิจว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับเป้าหมายการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ควรกำหนดนโยบายบนสมมติฐานทางเศรษฐกิจที่สมจริง และส่งสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ถูกต้องให้ประชาชนทราบ นอกจากนี้ รัฐบาลควรมีมาตรการเพื่อช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการ และช่วยเหลือคนยากจน ผู้มีรายได้น้อย และคนว่างงานอย่างเจาะจง ส่วนมาตรการกระตุ้นการส่งออก รัฐบาลควรเน้นตลาดในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะจีนและมาเลเซียซึ่งค่าเงินแข็งค่าขึ้น และประเทศผู้ส่งออกน้ำมันซึ่งมีรายได้มากขึ้นจากการส่งออกน้ำมัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวด้วย
 

 ..................................................