ธปท.ควรกำหนดเงินสดสำรองของธกส.มากกว่า
รมต.
..................................................
ส.ส.ปชป.ติงการให้รมว.คลังกำหนดเงินกองทุนและปริมาณเงินสดสำรอง
แทนที่จะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย
อาจทำให้ ธปท.ไม่สามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่
จากการประชุมสภาฯ
สมัยสามัญทั่วไป ครั้งที่ 14
เมื่อวันพุธที่ 1 มิถุนายน 2548
ได้มีการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. …
เพื่อปรับปรุงวัตถุประสงค์ของ
ธ.ก.ส.
แก้ไขสัดส่วนของการถือหุ้นของสถาบันการเงินและบุคคลอื่นใน
ธ.ก.ส. และเพิ่มอำนาจ รมว.คลังในการกำกับดูแล
ธกส.
เกี่ยวกับเนื้อหาภายในร่าง
พ.ร.บ.นี้ นายเกรียงศักดิ์
เจริญวงศ์ศักดิ์
รองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ
สภาผู้แทนราษฎร กรรมการบริหาร และ
ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคประชาธิปัตย์
แสดงความคิดเห็นว่า
หลักการสำคัญข้อหนึ่งที่ควรมีการถกเถียงกันเชิงความคิดให้ได้คำตอบเสียก่อนที่จะมีการนำ
ร่าง พ.ร.บ.นี้ออกมาใช้ ได้แก่ ‘การให้รัฐมนตรีกำหนดเงินกองทุนและปริมาณเงินสดสำรอง
ในกรณีที่คิดว่ามีเหตุผลอันสมควร’
เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
“ผมในฐานะนักเศรษฐศาสตร์เห็นว่า
การให้รัฐมนตรีกำหนดเงินกองทุนและปริมาณเงินสดสำรอง
เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะถูกต้องนัก
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเงินสดสำรองตามกฎหมาย
เป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทยใช้ในการกำกับดูแลนโยบายการเงิน
เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ
การที่อนุญาตให้รัฐมนตรีสามารถกำหนดเงินกองทุนและปริมาณเงินสดสำรองได้นั้น
อาจจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่สามารถทำหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่
เพราะ
สูญเสียเครื่องมือในการควบคุมปริมาณเงินไป”
นายเกรียงศักดิ์
กล่าวต่อไปว่า
วิธีการเพิ่มหรือลดอัตราเงินสดสำรองเป็นวิธีที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาณเงินและเครดิตรุนแรงที่สุด
เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการอื่น
เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์
และการเพิ่มหรือลดอัตราซื้อลด
เนื่องจากทำให้ปริมาณเงินเพิ่มขึ้นหรือลดลง
รวดเร็ว และปริมาณมากกว่าวิธีอื่น
ดังนั้น หากรัฐบาลจะใช้ ธกส.เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ผ่านการลดเงินกองทุนและปริมาณเงินสดสำรอง
อาจทำให้เกิดการขยายตัวของสินเชื่ออย่างมาก
และอาจส่งผลให้เกิดการบริโภคมากขึ้น
ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจเจริญเติบโตตามที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าเอาไว้
แต่วิธีการดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้นได้
เนื่องจากปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้น
รวมทั้งยังอาจทำให้ปริมาณหนี้ของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น
จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาล
“การให้รัฐบาลที่เน้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
ใช้ดุลยพินิจในการดำเนินนโยบายทางการเงินดังที่กล่าวไปแล้วนี้
อาจสร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจประเทศในอนาคตได้”
ส.ส.ปชป.กล่าวในตอนท้าย
..................................................
|