เกรียงศักดิ์
ชี้รัฐบาลชอบนั่งเทียนเขียนนโยบาย
แต่ทำไม่ได้จริงหรือทำอย่างไม่รอบคอบ
สร้างความเสียหายต่องบประมาณ
ส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
กรรมการบริหาร และ
ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ปชป.
แสดงความเห็นต่อการปรับแผนการลงทุนรถไฟฟ้าใหม่ของรัฐบาล
โดยชะลอการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและยกเลิกสายส้มเป็นรถเมล์ด่วนพิเศษ
(BRT)
เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน
และประหยัดงบประมาณ
เป็นการย้ำลักษณะความฉาบฉวยของรัฐบาลนี้เด่นชัดขึ้น
“รัฐบาลชอบนั่งเทียนกำหนดนโยบาย
แต่ไม่มีรายละเอียดภายใต้นโยบาย
ไม่มีการศึกษาผลกระทบของนโยบาย
และบางโครงการไม่สามารถทำได้จริงในภาคปฏิบัติ
แต่มักจะประกาศนโยบายเพื่อสร้างคะแนนนิยมก่อน
และพยายามผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นในภาคปฏิบัติอย่างเร่งรีบ
เพื่อสร้างเครดิตว่ารัฐบาลคิดเร็วทำเร็ว
แต่นโยบายจำนวนมากขาดความรอบคอบ”
“การอ้างเหตุผลว่ารถไฟฟ้าทั้ง 2
เส้นทางไม่คุ้มค่าในการลงทุน
เป็นการสะท้อนถึงความไม่รอบคอบในการกำหนดนโยบายของรัฐบาล
เพราะโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งควรมีผลตอบแทนการลงทุนหรือ
IRR ต่ำสุดที่ยอมรับได้คือ 12%
ตามที่ธนาคารโลกระบุ
แต่รัฐบาลยังพยายามผลักดันรถไฟสายสีส้มและสีม่วง
ทั้ง ๆ
ที่มีผลการศึกษามาก่อนแล้วว่าไม่คุ้มค่าในการลงทุน
เพราะมี IRR เพียง 9.3%
และ11.19%”
“จากที่ผมได้ศึกษามาพบว่า
โครงการรถไฟฟ้าเป็นหนึ่งในโครงการเมกะโปรเจคต์ที่มีการศึกษาชัดเจนที่สุดแล้ว
แต่ยังพบปัญหาในการลงทุน
แล้วโครงการเมกะโปรเจคต์อื่น ๆ
ที่เหลือ
ซึ่งการศึกษาโครงการยังไม่ชัดเจน
กล่าวคือ
ยังไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
และความคุ้มค่าของการลงทุน
อาจจะยิ่งมีปัญหามากกว่านี้
ดังนั้นคำยืนยันต่าง ๆ
ของรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการเมกะโปรเจคต์
เช่น
จะหามาเงินลงทุนได้โดยไม่กระทบต่อฐานะการคลัง
จะไม่สร้างปัญหาต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ
จะมีผลตอบแทนที่คุ้มค่า
ล้วนเป็นคำยืนยันที่ยังไม่มีความแน่นอน
และมีความเสี่ยงว่าจะไม่เป็นความจริง”
“การที่รัฐบาลจะนำรถเมล์ด่วนบีอาร์ทีมาให้บริการแทนในเส้นทางรถไฟฟ้าที่ยกเลิกไปนั้น
ยังแสดงถึง
การขาดการพิจารณาเปรียบเทียบทางเลือกต่าง
ๆ
ก่อนที่จะกำหนดเป็นนโยบายก่อสร้างรถไฟฟ้า
7 สี
และสะท้อนถึงการใช้จ่ายของรัฐบาลในทางเลือกที่ฟุ่มเฟือย
เกินความจำเป็น
ไม่ช่วยประหยัดงบประมาณ”
“เมกะโปรเจกต์หลายโครงการยังทำอย่างรีบเร่งทำให้สูญเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ
เช่น โครงการแหลมผักเบี้ย
รัฐบาลตั้งงบปี 48
ศึกษาผลกระทบของโครงการพร้อมกับการเขียนแบบ
ซึ่งไม่มีใครเขาทำกัน
เพราะต้องศึกษาผลกระทบให้ผ่านเสียก่อน
แล้วจึงเขียนแบบโครงการ
ทำให้เสียค่าโง่ในการออกแบบไป 400
ล้านบาท
เพราะโครงการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากไม่สามารถสร้างได้
ในทำนองคล้ายคลึงกัน
โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง
รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่าไม่คุ้มค่าในการลงทุน
แต่กลับยืนยันจะสร้างต่อ ทำให้
รฟม.ต้องสูญเงินในการศึกษาออกแบบไปกว่า
300 ล้านบาท
แม้ว่าแบบดังกล่าวจะสามารถใช้ได้ในอนาคต
แต่ประชาชนต้องเสียโอกาสในการใช้เงินก้อนนี้”
“พฤติกรรมของรัฐบาลเช่นนี้ปรากฏในการกำหนดนโยบายอื่น
ๆ ของรัฐบาลด้วย
หลายนโยบายที่ประกาศออกมาอย่างเร่งรีบ
โดยไม่ศึกษาให้รอบคอบ
ทำให้ปฏิบัติไม่ได้ตามที่พูด อาทิ
โครงการโคล้านตัวที่คิดฝันว่าจะแจกโค
แต่พอถึงเวลาทำจริงกลับทำไม่ได้
ต้องแจกเป็นน้ำเชื้อแทน
โครงการหมู่บ้าน 3
สีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จนนโยบายนี้ต้องตกไป
โครงการเมืองใหม่นครนายกที่ประกาศอย่างสวยหรูแต่ไม่มีการดำเนินการ
เพราะในความเป็นจริงคือรัฐบาลไม่มีเงิน“
“พฤติกรรมดังกล่าวของรัฐบาล
ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในและต่างประเทศ
เพราะนโยบายของรัฐมีส่วนกำหนดทิศทางการลงทุนของภาคเอกชน
หากนโยบายของรัฐบาลมีความไม่แน่นอนสูง
แทนที่จะช่วยกระตุ้นการลงทุน
กลับกลายเป็นหยุดชะงักการลงทุน
ตัวอย่างกรณีการเปลี่ยนแปลงสายสีม่วง
สีส้ม
ทำให้นักลงทุนที่จะลงทุนคู่ขนานไปกับโครงการต้องหยุดทบทวนแผนการลงทุน
โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ฉะนั้นก่อนประกาศนโยบาย
รัฐบาลควรคิดอย่างรอบคอบเสียก่อน
ไม่ใช่คิดอยากจะพูดอะไรก็พูดออกมา
ไม่มีการศึกษาอย่างดีก่อน”
ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวสรุป
..................................................
|