วันเกิด "บิ๊กสุ" ประณามยับนักการเมือง
"บิ๊กสุ" เหลืออดใช้โอกาสวันเกิดอัดนักการเมืองเละสวดยับทุกฝ่ายชอบอ้างเบื้องสูงแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวชี้ธาตุแท้นักการเมืองไม่มีใครดี ทุกคนมุ่งกอบโกยแต่ผลประโยชน์ไม่มีใครคิดทำเพื่อชาติจริง แขวะมีรัฐบาลไหนบ้างละโมบ "แม้ว" ไม่กลัวใบแดงลุยแจกของจ้าละหวั่น โวยจะไม่ให้ทำงานเพื่อให้ประเทศหยุดความเจริญไม่ได้ ด้าน ปชป.โว "วาระประชาชน" สุดยอดนโยบายสมบูรณ์แบบ "มาร์ค" สาธยายทุกเรื่องสุดยอดเป็นการกำจัดปัญหาที่ต้นตอ รับประกันทุกเรื่องทำได้จริงไม่ได้โม้ ลั่นหมดเวลาซุกความผิดขณะที่ท้าออกทีวีโชว์กึ๋นแข่งกัน ด้าน "ชวน" กรีดแสบทรวงให้ดูตัวเองก่อนที่จะสอนคนอื่น ด้าน "สมศักดิ์" หน้าถอดสีนัด "สุชน" กินข้าวกลางวัน แต่ไม่ดูตาม้าตาเรือไปโผล่กลางสถานที่ ปชป. ใช้จัดงาน "สุชน" โบ๊ยไม่ได้นัดแต่เจอโดยบังเอิญ "จ้อน" จี้ "ยุทธตู้เย็น" สอบไอ้โม่งงานป่ายูคาฯ 200 ล้าน ขู่มีหลักฐานเป็นชื่อรัฐมนตรี

"บิ๊กสุ" จวกยับนักการเมือง
 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดบ้านพักใน ซอยระนอง 2 เพื่อให้คณะบุคคลเข้าอวยพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 73 ปี บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีเพื่อน จปร.5 นายทหารระดับสูง นักธุรกิจ และประชา ชนเข้ามอบกระเช้าดอกไม้อย่างคับคั่ง อย่างไรก็ตามไม่ปรากฏว่ามีผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพและนักการเมืองเดินทางมาร่วมงานด้วยแต่อย่างใด เพียงแต่ส่งตัวแทนมามอบกระเช้าดอกไม้อวยพรเท่านั้น
 
ภายหลังพล.อ.สุจินดาให้สัมภาษณ์  ถึงสถานการณ์การเมืองว่า ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าบ้านเมืองตอนนี้ไม่ปลอดโปร่ง ไม่มีการสมาน ฉันท์ เป็นการเมืองแบบแบ่งขั้วแตกหัก แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะทำให้เห็นธาตุแท้นักการเมืองว่า ความจริงแล้วนักการเมืองทำเพื่ออะไร เคยมีชาวต่างชาติที่เป็นบุคคลสำคัญถึงระดับรัฐบุรุษกล่าวกับตนว่า ทำอย่างไรให้นักการเมืองไทยทำเพื่อชาติไม่ใช่เพื่อพรรคได้ เพราะจะทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองมาก ทั้งนี้ตนไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร เพราะมีรัฐบาลไหนบ้างที่ไม่กอบโกยผลประโยชน์ ก็เหมือนสนามบินสุวรรณภูมิเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กี่รัฐบาลมาแล้วทำอะไรบ้างสื่อก็ทราบดี

อัดไม่มีใครคิดทำเพื่อชาติจริง
 เมื่อถามว่าแสดงว่าตอนนี้ทุกฝ่ายไม่ได้ปฏิบัติตามกระแสพระราชดำรัส พล.อ.สุจินดากล่าวว่า ทุกคนต่างก็อ้างว่าทำเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่แท้จริงแล้วก็ทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง ถือเป็นเรื่องไม่ดี ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่มั่นคง อย่าไปพูดหลอกตัวเองเลยว่าอะไร ๆ ยังดีแม้แต่การลงทุน เพราะไม่ใช่เรื่องจริง ตนไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้เจอฝ่ายการพาณิชย์ที่นั่นเขาบอกว่าประเทศญี่ปุ่นถอนการลงทุนจากประเทศไทยเกือบหมดแล้ว รัฐบาลบริหารงานไม่ได้ทำอะไรก็สะดุดหมดเพราะเป็น เพียงรัฐบาลรักษาการ
 
พล.อ.สุจินดายังกล่าวถึงแนวทางสมาน ฉันท์ว่า จะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่ที่การปฏิบัติจนกว่าจะไปถึงการเลือกตั้ง จะออกมาในรูปแบบไหนคงได้เห็นกันตอนนั้น และไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลตนก็อยากให้มีการบริหารที่ดี ไม่ใช่ทำเพื่อคะแนนเสียง อยากเห็นทุกพรรคการเมืองทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศก็อย่าไปค้านกันเอง ค้านทั้งที่รู้ว่าเป็นประโยชน์แต่ก็ค้าน เพราะเห็นว่าไม่เป็นผลงานของตัวเอง

ชี้มี กกต.ใหม่ไม่ช่วยอะไร
 เมื่อถามว่าการทำหน้าที่ของรัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นอย่างไร พล.อ.สุจินดากล่าวว่า ในฐานะนักบริหารถือว่าดีใช้ได้ บริหารงานรวดเร็วกล้าตัดสินใจ อย่างไรก็ตามตนรู้สึกเป็นห่วงเรื่องของความมั่นคง ความเจริญก้าวหน้าของเศรษฐกิจมาก เนื่องจากเวลานี้เศรษฐกิจของประเทศคู่แข่งอย่างประเทศจีน เวียดนาม ก้าวหน้ามาก ถ้าพูดจริง ๆ ถือว่าเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจของเรามาก
 
อดีตนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นโดย กกต. ชุดใหม่ว่า ตนคิดว่าการสรรหา กกต. ใหม่อาจไม่เกิดผลอย่างที่ต้องการเท่าไหร่ เพราะเท่าที่ทราบข้อบกพร่องของ กกต.จังหวัดมีจำนวนมาก นักการเมืองต่างพูดเป็นทำนองเดียวกันว่าการเลือกตั้งที่ไม่มี กกต. ยังดีกว่ามี กกต. เพราะใช้เงินน้อยกว่า ส่วนบทบาทของทหารนั้น การออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองก็ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ เพราะถ้าไม่เอาอาวุธเข้ามาเกี่ยวข้องทหารก็เป็นบุคคลธรรมดา แต่บางอย่างก็ต้องอยู่ในกรอบของวินัย กองทัพที่มีวินัยว่าอย่าล้ำหน้าผู้บังคับบัญชา เช่น ผบ.ทบ.พูดอย่าง แต่ รอง ผบ.ทบ.กลับพูดอีกอย่าง

"แม้ว" ไม่กลัวใบแดงลุยแจกของ
 สำหรับความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกจากบ้านไปออกรอบตีกอล์ฟกับกรรมการ บริหารพรรค ประกอบด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรค นายประยุทธ มหากิจศิริ  รองหัวหน้าพรรค และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองเลขาธิการพรรค ที่สนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สท ซึ่งก่อนขึ้นแท่นทีออฟ พ.ต.ท. ทักษิณให้สัมภาษณ์ถึงข้อสังเกตการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนืออาจ   จะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งว่า จะไม่ให้ตน  ทำงานเลยหรือ ผู้สื่อข่าวแย้งว่า แต่ในกำหนดการระบุจะแจกพันธุ์โค โฉนดที่ดิน และเอกสิทธิ์     ส.ป.ก.4-01 ให้แก่เกษตรกร อาจจะถูกแจกใบแดงได้ นายกฯกล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ต้องทำและก็อยู่ในนโยบายอยู่แล้ว เราประกาศมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว แต่การทำงานต้องใช้เวลา 
 
ผู้สื่อข่าวแย้งอีกว่า แต่นักวิชาการมองในแง่ข้อกฎหมายเป็นหลัก และอ้างถึงนายสวัสดิ์ โชติพานิช อดีต กกต.เคยตีความไว้แล้วว่าไม่ว่าจะแจกสิ่งของก่อนมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง 6 เดือนหรือ 1 ปีก็ไม่สามารถทำได้ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการทำงานจะมาบอกให้หยุด     ทำงานประเทศหยุดความเจริญไม่ได้ เมื่อถามอีกว่า นักวิชาการระบุว่าโดยมารยาทแล้วไม่ควรทำ เพราะเป็นการเอาเปรียบพรรคอื่น พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่เดินลงไปตีกอล์ฟทันที

ลั่นต้องแจกคอมพ์ให้เด็ก
 ภายหลังการออกรอบ พ.ต.ท.ทักษิณได้มาดูงานไอซีทีเอกซโป 2006 และให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า พรรคได้ประชุมไปหลายครั้งจะให้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในเรื่องการเรียนการสอนและการปฏิรูปการศึกษา ตนอยากจะเห็นความเอาจริงเอาจังมากกว่านี้ รวมทั้งโครงการหนึ่งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กต่อเด็กหนึ่งคน ซึ่งจะเป็นโครงการแจกคอมพิวเตอร์ให้กับเด็กนำไปเรียนหนังสือ เพื่อให้เด็กเรียนรู้ได้เร็วขึ้น ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็เรียนรู้ได้เหมือนกัน โครงการนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่เราต้องทำอย่างต่อเนื่องที่ได้พูดไปแล้ว แต่ปีนี้คงจะแจกให้ไม่ทันเพราะการเมืองสะดุด คาดว่าน่าจะแจกให้กับเด็กได้ในกลางปีหน้า

ปชป.รวมพล "คนต้องมาก่อน"
 วันเดียวกันที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "ประชาชนต้องมาก่อน" มีทั้งอดีต ส.ส. กรรมการบริหารพรรค ประธานสาขาพรรค และนักวิชาการประมาณ 300 คนเข้าร่วม โดยการประชุมดังกล่าวเพื่อหาข้อคิดเห็นไปประกอบการประกาศวาระประชาชนในวันที่ 9 ส.ค.โดยช่วงเช้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงนามประกาศเจตนารมณ์ "ประชาชนต้องมาก่อน" จากนั้นได้เข้าสู่พิธีเปิดประชุมด้วยการแสดงตีกลองสะบัดชัยถือเป็นการลั่นกลองเอาฤกษ์เอาชัย ต่อด้วยการฉายวีดิทัศน์เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาในประเทศ รวมถึงนโยบายของพรรคที่จะประกาศต่อประชาชน
 
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้ขึ้นกล่าวในหัวข้อ "ฝ่าวิกฤติสู่ความแข็งแกร่ง" สรุปได้ว่า ภารกิจที่สำคัญกว่าการเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค. คือ การกำหนดทิศทางใหม่ให้กับประเทศ ทั้งการเมืองเศรษฐกิจ วันนี้ปัญหาการเมืองเกิดจากผู้นำประเทศตั้งโจทย์ผิดเอาเงินเป็นใหญ่ แล้วสรุปตัวเลขฐานะของประเทศเหมือนกำไรขาดทุนของบริษัท เราต้องปรับแนวคิดวิธีการในการบริหาร    จัดการประเทศใหม่ และวันนี้พรรคพร้อมเป็นผู้ริเริ่มและเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุด คนต่างหากที่สำคัญจะทำอย่างไรให้ทุกคนอยู่ร่วมกันบนความเคารพซึ่งกันและกันนี่คือ เป้าหมายสูงสุดของนโยบายของพรรค

"มาร์ค" ยันนโยบายทำได้จริง
 หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงแนวทางการผลักดันวาระประชาชนว่า สิ่งแรกคือกลุ่มคนยากจน ปัญหาค่าครองชีพ อัตราเงิน  เฟ้อ สิ่งเหล่านี้ต้องแก้โดยเร็วที่สุด เรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้นต้นทุนที่สำคัญคือพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซ พรรคได้ประกาศไปแล้วว่าจะลดภาระ นี้ให้กับประชาชน แม้ผู้มีอำนาจมาบอกว่าลดไม่ได้ เป็นการฝ่าฝืนกลไกตลาด แต่ตนจะขอพูด ชัด ๆ อีกครั้งว่าทำได้ เช่น ราคาน้ำมันวันนี้ทุกลิตรกว่า 2 บาท ไปชดเชยให้กับความผิดพลาดของรัฐบาล ผู้ใช้น้ำมันไม่ควรมีหน้าที่ไปชดใช้บาปของรัฐบาล ส่วนของค่าไฟฟ้าที่บอกว่ามีสูตรคำนวณราคาตายตัวอยู่แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าสูตรมีที่มาอย่างไร การคำนวณค่าไฟที่ไม่เป็นธรรมซึ่งเราจะปรับสูตรค่าไฟทั้งค่าไฟฐานและค่าเอฟที ซึ่งสามารถลดค่าไฟได้ทันที
 
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนค่าแรงนั้นต้องยอมรับว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นตามค่าครองชีพ พรรคดูตัวเลขแล้วระบุว่า ผู้ใช้แรงงานถ้าจะมีการครองชีพเท่ากับปีที่แล้ว ก่อนที่จะลอยตัวค่าน้ำมัน ค่าแรงขั้นต่ำในกรุงเทพฯ จะต้องเพิ่มขึ้น 7 บาท และถ้าเอาเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมยังเพิ่มขึ้นได้อีก    6 บาท ค่าแรงขั้นต่ำ 184 บาท ถ้าให้ความเป็นธรรมต้องเพิ่มขึ้นเป็น 197 บาท ซึ่งตนเห็นว่านี่คือสิ่งที่ต้องทำ สำหรับเรื่องหนี้สิน พรรคมีโครง การปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน แต่ไม่ใช่นโยบายเหมารวมให้เกิดการเสียวินัย แต่จะเป็นนโยบายที่จะนำบุคลากรเข้าไปศึกษาหนี้สินของประชาชน แล้วให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อเจรจากับเจ้าหนี้

หมดยุคปกปิดความผิดแล้ว
 สำหรับด้านการศึกษานั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จะเพิ่มงบประมาณด้านการศึกษา ดูแลเด็กตั้งแต่ในครรภ์มารดาและเรียนฟรี 12 ปี ด้านเศรษฐกิจจะเป็นแบบคุณธรรม ส่วนด้านปฏิรูปสื่อจะมีการออกกฎหมายคุ้มครองสื่อมวลชนด้วย ด้านขจัดและต่อต้านทุจริตคอร์รัป ชันจะทำให้นักการเมืองทุกคนมีความโปร่งใส ประกาศออกมาได้ว่าตัวเองและครอบครัวทำธุรกิจอะไรเพื่อการตรวจสอบ ต่อไปนักการเมืองที่โกงความผิดทุจริตในลักษณะนี้จะไม่มีอายุความ ใครที่คิดที่ฝันว่าจะนั่งทับความผิดของตัวเองไปได้เรื่อย ๆ ขอให้รู้ว่าคดีจะไม่มีอายุความ และใครที่คิดจะอาศัยกลไกเข้าแทรกแซงหน่วยงานของรัฐ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ความผิดไปถึงศาล ถือว่าทำให้ประชาชนเสียหาย สามารถฟ้องเอาผิดได้เลย
 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีออกมายืนยันว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยขณะนี้ยังแข็งแกร่งอยู่ แม้จะมีปัญหาทางการเมืองว่า ตัวเลขหลายตัวเลขมีการปรับฐานการคำนวณ โดยเฉพาะอัตราการว่างงาน และจำนวนหนี้ที่ลดลง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจกำลังเผชิญกับระดับความมั่นใจ และพื้นฐานหลายอย่างที่ถูกละเลยกำลังจะเป็นตัวบั่นทอนความสามารถทางด้านการแข่งขัน เช่น มีบริษัทขนาดใหญ่ไปลงทุนต่างประเทศ และผลสำรวจเกี่ยวกับความมั่นใจทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยลดลง ดังนั้นจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุรัฐบาลจะต้องปรับแนวนโยบายหลายเรื่อง นายกรัฐมนตรีหยิบเพียงตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวมาอ้าง ดังนั้นหากมองเหมือนที่นายกฯมองประเทศจะอยู่ในภาวะที่ประมาทที่ประเมินว่าทุกอย่างดีอยู่แล้ว แต่ความจริงไม่ใช่ ขณะนี้จะต้องปรับปรุงเรื่องความสามารถของประเทศให้สูงขึ้น

ท้า "แม้ว" ออกทีวีโชว์กึ๋น
 ภายหลังการประชุมนายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า จากการที่ระดมความคิดเห็นในวันนี้จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อประกาศต่อประชาชนต่อไป เท่าที่ได้เห็นท่าการร่วมประชุมทำให้เราสามารถประกาศได้ว่าเรามีความพร้อมที่จะนำประชาชนและประเทศชาติผ่าวิกฤติไปสู่ความแข็งแกร่งได้ ไม่ใช่ต้องหวาดกลัวและแบ่งแยกอีกต่อไป ถ้ารัฐบาลและนายกฯมั่นใจในแนวทางของท่าน เชิญมาพบกับตนได้ในรายการโทรทัศน์พร้อมกัน ให้ประชาชนได้เปรียบเทียบและตัดสิน

ยัน "แม้ว" ต้องชี้แจงไปพม่า
  นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกฯยังชี้แจงเรื่องการไปพม่าไม่ชัดเจนว่า เห็นชัดว่ามีความผิดปกติ หลายครั้งนายกฯตอบไม่ตรงกัน ควรจะตอบให้ชัดเจนมากกว่านี้ ต้องมีคำอธิบายว่านโยบายเร่งด่วนอย่างไร มีความสัมพันธ์กับภาคธุรกิจเกี่ยวข้องหรือไม่ หากมีหัวข้อใดที่เป็นเรื่องความลับค่อยว่ากันอีกเรื่อง ผู้สื่อข่าวแย้งว่า นายกฯระบุเป็นวิธีการทูตสมัยใหม่ นายอภิสิทธิ์กล่าว ว่า นายกฯอ้างมาแล้วหนึ่งครั้งตอนที่ไปเยือนประเทศอินเดีย ต่อมาก็ถูกเปิดเผยเรื่องของการใช้ดาวเทียม พฤติกรรมหลายอย่างยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
ส่วนการที่นายกฯจะออกทัวร์นกขมิ้นในหลายจังหวัดภาคอีสาน โดยมีการมอบโฉนดที่ดินรวมทั้งแจกโค พันธุ์พืช ในช่วงก่อนที่    พ.ร.ฎ.เลือกตั้งมีผลบังคับใช้นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับ กกต. ชุดใหม่จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐในช่วงการ เลือกตั้งหรือไม่

"ชวน" ชม "มาร์ค" มือดี
 ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์มีทั้งชาติวุฒิ คุณวุฒิ และวัยวุฒิ มีความมุ่งมั่นเป็นมืออาชีพไม่ใช่มือสมัครเล่น มาทำงานการเมืองไม่ใช่นักการเมืองที่ฉวยโอกาส การพูดเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการออกมาเชียร์ แต่เห็นมาตรฐานการทำงานการเมืองที่ผ่านมา 60 ปีของพรรคอาจมีเรื่องที่ทำสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จบ้าง แต่ที่แน่ ๆ พรรคไม่เคยทำให้บ้านเมืองต้องมีวิกฤติอย่างนี้
 
"วันนี้ประเทศไทยวิกฤติที่สุดในโลกเพราะรัฐบาลไทยรักไทยเข้าไปแทรกแซงทุกเรื่องทุกองค์กร ยกเว้นกระบวนการยุติธรรม การครอบงำไปไม่ถึงเราถึงได้เห็นคำวินิจฉัยที่ไม่มีเส้น ที่มีปัญหาถึงทุกวันนี้เพราะมี ส.ว.ส่วนหนึ่งขายตัวให้กับนักการเมือง ทำให้ขั้นตอนการสรรหาบุคคลในองค์กรอิสระขาดความเป็นอิสระ สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ทั้ง ป.ป.ช. กกต.ไม่มีปัญหา แต่รัฐบาลไทยรักไทยสร้างปัญหาไปหมด ทำให้เสียสมดุล" นายชวนกล่าว

กรีดให้ดูตัวเองก่อนสอนคนอื่น
 นายชวนยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณเริ่มลงพื้นที่ไปแก้ไขปัญหาความยากจนในช่วงใกล้เลือกตั้งว่า ไม่อยากวิจารณ์ เพราะคงไม่เกิดประโยชน์อะไร ในความคิดของนายกฯไม่เคยมองในเรื่องของความเป็นธรรมคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมือง นายกฯคิดเพียงแต่ว่าจะเอาชนะเพียงอย่างเดียว ตนยังจำได้ว่านายกฯเคยพูดเอาไว้ว่า ตายซะดีกว่าแพ้ จากคำพูดนี้หมายความว่าไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าที่มากกว่าตายท่านจึงขอตายดีกว่า
 
นายชวนกล่าวต่อว่า การที่นายกฯพูดในรายการ "นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน" เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาโดยขอร้องและเรียกร้องให้ประชาชนสามัคคีเพื่อถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ตนเห็นว่าเรื่องนี้นายกฯจะต้องเป็นผู้เริ่มต้น นายกฯจะต้องตระหนักว่าในหลวงมีความรักห่วงใยในพสกนิกรของพระองค์ท่านเหมือนกันทุกภูมิภาคไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร พระองค์ปฏิบัติเหมือนกันทั้งหมด แต่นายกฯไม่ได้เป็นเช่นนั้น กลับเลือกปฏิบัติและไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับพสกนิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างเท่าเทียมกัน โดยมองว่ากลุ่มใดหรือจังหวัดใดที่เลือกพรรคไทยรักไทยก็จะได้รับการดูแล ส่วนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง แล้วอย่างนี้จะไปเรียกร้องประชาชนให้สามัคคีกันได้อย่างไร ตนจึงอยากฝากไว้ด้วยว่าก่อนที่จะสอนหรือฝากอะไรกับประชาชนขอให้นายกฯปฏิบัติด้วย

อดีตทูตแคลงใจไปพม่า
 นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทยหลายประเทศ แสดงความเห็นถึงการเดินทางไปเยือนพม่าของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ทำให้เกิดความหวาดระแวงของคนในประเทศ การอ้างว่าเป็นการทูตสมัยใหม่ไม่ใช่ประเด็น อยู่ที่ว่านายกฯไปเพื่ออะไรและพูดอะไร การทูตสมัยใหม่ต้องเกี่ยวเนื่องกับความโปร่งใส หมายถึงการให้ประชา ชนได้รับรู้ จึงอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณพูดความจริงกับประชาชน ไม่ใช่ตีขลุม เพราะจะทำให้ประชา ชนมองด้วยความเคลือบแคลง

"สมศักดิ์" จ๋อยหลุดเข้าดงเสือ
 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และหัวหน้ากลุ่มวังน้ำยม ได้นัดรับประทานอาหารกลางวันกับนายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "ประชาชนต้องมาก่อน" เมื่อนายสมศักดิ์ได้พบหน้าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บริเวณล็อบบี้โรงแรมถึงกับหน้าถอดสี และถึงกับอุทานว่า "ตายห่าสงสัยจะมาผิดที่" ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปแซวว่าได้ร่วมงานสัมมนากับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบทีเล่นทีจริงว่า เผื่อต่อไปอาจจะได้มาอยู่ด้วยกันถ้าเกิดถูกยุบพรรค พร้อมได้หันไปถามอดีต ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากถูกยุบพรรคจะตั้งชื่อว่าอะไรดีเอาชื่อพรรคไทยประชา หรือประชาไทยดีไหม
 
จากนั้นนายสุชนได้เดินทางมาถึงและเดินตามนายสมศักดิ์ไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟบริเวณล็อบบี้โรงแรม แต่เมื่อสื่อมวลชนไปถ่ายรูปของทั้งคู่ นายสมศักดิ์ได้พูดให้เข้ามาถ่ายภาพได้เลย เพราะมาอย่างโปร่งใส ไม่ได้มาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ

"สุชน" ปัดไม่ได้นัดเจอกัน
 ด้านนายสุชนยืนยันว่า ไม่ได้นัดพบกับนายสมศักดิ์แต่เป็นการพบกันด้วยความบังเอิญมากกว่า โดยในช่วงเช้าได้ไปตีกอล์ฟเมื่อเสร็จแล้วตนจะแวะไปรับประทานอาหารจึงได้เจอกับนายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ อดีต ส.ส.พรรค ประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส.อีก 2-3 คน จึงได้ทักทายพูดคุยกันและดื่มกาแฟ สักครู่ก็เห็นนายสมศักดิ์จึงได้ชวนมานั่งดื่มกาแฟด้วยกันก็เท่านั้น อย่างไรก็ตามตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการประชุมของพรรคประชาธิปัตย์ ช่วงนี้คงต้องระมัดระวังเรื่องการวางตัว เพราะจะถูกมองว่าไม่เป็น กลาง จึงตัดสินใจกลับบ้านทั้งที่ยังไม่ได้รับประทานอาหารเลย

ชท.พร้อมรบเลือกตั้งใหม่
 อีกด้านหนึ่งนายนิกร จำนง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้ง พรรค ชาติไทย แถลงว่า พรรคพร้อมส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต โดยแบบบัญชีรายชื่อจะส่งครบทั้ง 100 คน ส่วนแบบแบ่งเขตจะส่งผู้สมัครมากกว่าครึ่งหนึ่งของเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ มั่นใจว่าจะรักษาเก้าอี้ ส.ส.ในภาคกลาง ภาคอีสาน และจะปักธงในภาคใต้ได้เพิ่มขึ้น
 
นายนิกรกล่าวเชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะบริสุทธิ์ยุติธรรมมากขึ้นภายใต้ กกต. ชุดใหม่ เนื่องจากว่าการซื้อขายเสียงและการใช้อำนาจรัฐผ่านข้าราชการเบาบางลง พรรคน่าจะมีโอกาสได้รับการสนับสนุนไม่น้อยกว่าเดิม ทั้งนี้ในวันที่ 7 ส.ค.หัวหน้าพรรคจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานของพรรค ซึ่งจะพิจารณารายชื่อผู้สมัครจากภาค   ต่าง ๆ และหารือถึงนโยบายที่ใช้ในการหาเสียง

เสนอแก้กฎหมายอื้อซ่า
 ด้านนายเกษม สรศักดิ์เกษม รองเลขา  ธิการพรรคชาติไทย คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคชาติไทย แถลงว่าพรรคมีแนวคิดที่จะปฏิรูปการเมือง โดยหลังการเลือกตั้งจะเสนอแก้ไข กฎหมายในประเด็นต่าง ๆ คือ การแก้ไขรัฐธรรม นูญในมาตรา 313 เพื่อเปิดช่องให้ประชาชนผู้  มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนหนึ่งมีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานรัฐสภาให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แก้ไขมาตรา 100 วรรคหนึ่งยกเลิกการกำหนดคะแนนเสียง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจากเดิมที่ต้องได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 2 นอกจากนี้จะเสนอให้มีการแก้ไขในมาตรา 104 ให้เปลี่ยนการนับบัตรลงคะแนนที่จุดเดียวมาเป็นนับที่หน่วยเลือกตั้งเพื่อความรวดเร็วและป้องกันการทุจริต
 
รองเลขาธิการพรรคชาติไทย กล่าวว่า สำหรับการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐ มนตรี จะขอให้แก้ไขจำนวนเสียงที่ขอเปิดอภิปราย จากเดิมที่ต้องใช้เสียง 2 ใน 5 ของ ส.ส.ทั้งหมด ให้เหลือ 100 คน หรือใช้เพียงจำนวนส.ส.ของฝ่ายค้านเท่าที่มีอยู่ นอกจากนี้จะเสนอแก้ไขคณะกรรมการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ โดยให้ตัดกรรมการสรรหาที่เป็นตัวแทนพรรคการเมืองออกทั้งหมด และเสนอให้มี กกต. เพิ่มอีก 4 คนรวมเป็น 9 คนแต่ให้มีอำนาจเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดการให้มีเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนการพิจารณาสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง รวมทั้งใบเหลืองใบแดงให้เป็นอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งหรือจัดตั้งศาลเลือกตั้งขึ้นโดยเฉพาะ

มภ.3ของขึ้นชนแหลกรัฐบาล
 อีกด้านหนึ่งที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทร วิโรฒ มีการจัดเสวนาหัวข้อ "ทหารกับความมั่น คงของชาติ และอำนาจตุลาการกับระบอบทักษิณ" โดยพล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3  ที่ได้ตอบตกลงมาร่วมเสวนาได้แจ้งยกเลิกเนื่องจากเกรงว่าจะไม่เหมาะสม แต่ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ร่วมพูดคุยกับผู้เข้าฟังเสวนาว่า ยืนยันจะไม่ยอมก้มหัวให้กับสิ่งไม่ถูกต้อง ผู้บังคับบัญชาฝ่ายการเมืองที่จะเข้ามาทำหน้าที่ดูแลกองทัพต้องส่งเสริมกองทัพให้เข้มแข็งไม่ใช่ทำให้อ่อนแอ หรือตั้งคนเลวขึ้นมาดูแล ตนจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของความแตกแยก ตนเป็นทหารโดยสายเลือดและจะปกป้องบ้านเมืองด้วยจิตสำนึก กิจกรรมใดที่แสดงออกถึงความรักชาติตนพร้อมสนับสนุนและกองทัพก็ต้องสนับสนุนด้วย
 
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กล่าวว่า ตนเคยร่วมงานมาหลายรัฐบาล ไม่เคยเห็นว่ารัฐบาลใดเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงทหารมากเหมือนกับยุคนี้ แต่งตั้งโยกย้ายเพื่อสร้างฐานอำนาจทางทหาร ทำให้ทหารอ่อนแอและความแตกแยกทางความรู้สึก เอาเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ไปนั่งในตำแหน่งสำคัญจำนวนมาก ถ้าปล่อยให้บริหารประเทศต่อไปการแทรกแซงอาณาเขตทหารก็จะเป็นเรื่องถูกต้อง เพราะตน  มีหลักฐานที่เป็นร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาจากกระทรวงกลาโหมมาแล้วว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันเตรียมออก พ.ร.บ.แบ่งแยกส่วนราชการของกระทรวงกลาโหมใหม่หมดทั้ง 3 เหล่าทัพ และมีมาตราหนึ่งกำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หากให้เปรียบเทียบร่างกฎหมายฉบับนี้ก็จะเป็นเหมือนเผด็จการ คอมมิวนิสต์ หรืออาจเป็นระบบประธานาธิบดี

เผยกองทัพพร้อมเคลื่อนไหว
 ขณะที่นายการุณ ใสงาม รักษาการ   ส.ว.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ตนได้ไปร่วมรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกับกลุ่มราชนิกุล ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง นักวิชาการ และ พล.ท.สพรั่ง ที่จุฬาลง กรณ์มหาวิทยาลัย จากการพูดคุยกับ พล.ท.สพรั่ง ได้ระบุว่าเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯและจากนี้ไปขอให้การสนับสนุนเต็มที่ และได้บอกกับทหารกองทัพภาคที่ 3 ว่าหากตัวเองถูกยิงตายไม่ต้องมาเผาศพ แต่ให้หันอาวุธไปจัดการกับศัตรู ตอนนี้ก็ได้บอกให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ได้รู้แล้วว่าเป็นใคร
 
นายการุณกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พล.ท. สพรั่ง ยังกล่าวอีกว่า กองทัพภาคที่ 3 พร้อมให้ความคุ้มครอง ปกป้องทุกคนที่เคลื่อนไหวรักษาชาติและประชาธิปไตย หากใครมีความเดือดร้อนกองทัพภาคที่ 3 ก็พร้อมช่วยเหลือ และกองทัพภาคที่ 1 ก็พร้อมอยู่ในที่ตั้งแล้ว ส่วนกองทัพภาคที่ 2 ก็เช่นกัน

จี้"ยุทธตู้เย็น"สอบงาบป่ายูคาฯ
 ส่วนการเมืองอื่นนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะทำงานตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชันของพรรค กล่าวว่า พรรคได้รับการร้องเรียนผ่านตู้ป.ณ.222 ถึงพฤติกรรมของรัฐมนตรี ข้าราชการ และชาวบ้านเข้าข่ายกระทำการทุจริตโกงกินป่ายูคาลิปตัส ในพื้นที่ ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร จำนวน 3,500 ไร่ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) โดยทำสัญญาขายไม้ยูคาลิปตัสให้บริษัท พี.เอ.บี. จำกัด มีหลักฐานชัดเจนเป็นเอกสารระบุว่า มีการมอบเงินจำนวน 1,250,000 บาท ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนหนึ่ง นอกจากนี้ในแบบสัญญายังระบุการสั่งจ่ายเงินสดจำนวน 1,200,000 บาท พร้อมกับเช็คให้กับเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 28 ก.พ.49 ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขามุกดาหาร ในการดำเนินการตัดไม้ยูคาลิปตัส 210,000 ตัน โดยขายในราคาตันละ 800 บาท รวม 200 ล้านบาท
 
"พฤติกรรมนี้มีการสมคบร่วมกับ ออป. โดยมีพื้นที่รับผิดชอบ 8 แสนไร่ และกรมป่าไม้โอนมาให้อีก 1.2 แสนล้านไร่ รวมที่อยู่ในการดูแลของ ออป. 2 ล้านไร่ โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯที่มีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ดูแล ดังนั้นจึงเรียกร้องให้นายยงยุทธออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่าจะมีกระบวนการตรวจสอบอย่างไร และที่สำคัญเงินเข้ากระเป๋าใคร อย่าปล่อยให้ฉายายุทธตู้เย็นกลายเป็นยุทธยูคาฯ และขอให้สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกองปราบปรามเข้ามาตรวจสอบการรุกป่าของ ออป.ทั่วประเทศ เพราะทราบมาว่ามีพฤติกรรมแบบนี้ทั่วทุกภาค ผมยังไม่เปิดชื่อรัฐมนตรี แต่จะให้โอกาสชี้แจง แต่หากไม่ชี้แจงผมจะนำหลักฐานเป็นเช็ค 3 งวดมาเปิดเผยว่าเป็นชื่อรัฐมนตรีคนใด" นายอลงกรณ์กล่าวขู่.