ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับอาชีวศึกษาอย่างมาก
จากรายงานผลการศึกษาความต้องการกำลังคนของกลุ่มอุตสาหกรรม
โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาพบว่า
กลุ่มอุตสาหกรรมต่าง
ๆ
ขาดแคลนกำลังคนระดับกลางหรือระดับปฏิบัติการค่อนข้างมาก
โดยเฉพาะผู้จบระดับ
ปวช.
–
ปวส.
ซึ่งจากข้อมูลพบว่ากว่าร้อยละ
80
ของผู้จบการศึกษาระดับนี้มักจะศึกษาต่อระดับปริญญาตรี
นอกจากนั้นผู้จบการศึกษาระดับนี้จำนวนมาก
ยังไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพเท่าที่ควร
นอกจากนั้น
จากโครงการวิจัยเรื่อง
“แผนพัฒนากำลังคนของประเทศไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ”
โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
(TDRI)
พบว่า
การที่รัฐบาลมุ่งสนับสนุนการศึกษาสายสามัญอย่างไม่จำกัดและละเลยการศึกษาสายอาชีพ
ทำให้มีผู้ที่ต้องการเรียนสายอาชีพมีจำนวนที่ลดลง
ทั้งที่ในปัจจุบันและอนาคต
ตลาดแรงงานในประเทศไทยต้องการผู้จบสายอาชีวศึกษาเป็นจำนวนมาก
จากการวิจัยเรื่องเดียวกันนี้
ได้คำนวณตัวเลขประมาณการผู้สำเร็จการศึกษา
ที่คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดแรงงานระหว่างปี
2550-2559
พบว่าทุกปีจะมีจำนวนแรงงานจากทุกระดับการศึกษาเข้าสู่ตลาดแรงงานเพิ่มขึ้น
โดยแรงงานระดับปริญญาตรีมีแนวโน้มเข้าสู่ตลาดแรงงานมากที่สุด
แต่หากพิจารณาปริมาณความต้องการของตลาดแรงงานโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมพบว่า
สัดส่วนความต้องการแรงงานในระดับอาชีวศึกษามีสัดส่วนที่มากกว่าแรงงานระดับปริญญาตรี
พิจารณาจากตัวเลขความต้องการแรงงานส่วนเพิ่มของตลาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมระหว่างปี
2550-2554
ตลาดแรงงานต้องการแรงงานระดับ
ปวช.
และ ปวส.
เพิ่ม
33,255
คน
ในขณะที่ต้องการแรงงานระดับปริญญาตรีเพิ่มจำนวน
21,797
คน
และใน
5
ปีหลัง
(2555-2559)
ตลาดแรงงานต้องการแรงงานระดับ
ปวช.
และ ปวส.
เพิ่ม
จำนวน
26,213
คน
ต้องการแรงงานระดับปริญญาตรีเพิ่มจำนวน
17,245
คน
ดังนั้น
ในอนาคตแรงงานระดับปริญญาตรีจะประสบปัญหาอุปสงค์ส่วนเกิน
(Excess
demand)
ในตลาดแรงงานภาคอุตสาหกรรม
จึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะตกงานในอนาคต
หรือเกิดสภาพแรงงานระดับสูงที่จบปริญญาตรีมีอัตราการทำงานอยู่ในระดับต่ำ
และมีบัณฑิตจำนวนมากยอมทำงานที่ได้เงินเดือนเท่ากับแรงงานระดับกลาง
หรือทำงานในสาขาที่ไม่ได้เรียนจบมาโดยตรง
สภาพปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับอาชีวศึกษา
และสภาพแนวโน้มปัญหาแรงงานระดับอุดมศึกษาโดยเฉพาะในบางสาขาที่เริ่มล้นตลาดแรงงานนั้น
ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในไทยเท่านั้น
แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศด้วย
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีการขยายตัวด้านอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว
อาทิ
ประเทศรัสเซีย
มีปัญหาแรงงานระดับสูงจากสถาบันอุดมศึกษาล้นตลาด
มีบัณฑิตเพียงร้อยละ
50
เท่านั้นที่สามารถหางานทำได้
ในขณะเดียวกันรัสเซียกำลังขาดแคลนแรงงานระดับปฏิบัติการอย่างหนัก
โดยเฉพาะช่างเทคนิคและช่างก่อสร้างอุตสาหกรรม
ประเทศจีน
ในปี
2549
จีนได้ประสบปัญหาแรงงานระดับอุดมศึกษาล้นตลาด
มีบัณฑิตตกงานเกือบร้อยละ
40
จากจำนวนบัณฑิตทั้งหมด
4.13
ล้านคน
และกำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานระดับปฏิบัติการจากการอาชีวศึกษา
ในเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและการประกันสังคม
(Ministry
of Labor
and
Social
Security)
ของจีนกล่าวว่า
แรงงานระดับปฏิบัติการของจีนมีเพียงร้อยละ
4
ห่างจากประเทศที่พัฒนาแล้วถึง
10
เท่า
ซึ่งไม่พอเพียงต่อความต้องการของภาคการผลิตโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่จีนกำลังประสบภาวะวิกฤตขาดแคลนกำลังคนระดับกลางอย่างมาก
ในขณะที่กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
สภาพปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับปฏิบัติมีไม่มากนัก
เนื่องด้วยมีการวางแผนการผลิตกำลังคนระดับอาชีวศึกษาและการอุดมศึกษาควบคู่กัน
อันส่งผลให้การพัฒนากำลังคนมีความสอดคล้องกันทั้งในด้านของกำลังคน
และด้านวิชาการ
อาทิ
ประเทศนิวซีแลนด์
มีสถาบันฝึกอาชีพและวิทยาลัย
จะจัดการศึกษาที่เน้นฝึกอาชีพชั้นสูง
มีการจัดหลักสูตรที่หลากหลายเหมาะสมกับความต้องการของนักศึกษา
เพื่อให้นักศึกษามีความรู้เกี่ยวกับอาชีพ
วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของนิวซีแลนด์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ
สังคม
และวัฒนธรรม
โดยจะทำการเปิดสอนทั้งระดับอนุปริญญาและปริญญา
โดยเป็นแหล่งสำคัญในการผลิตกำลังคนระดับกลางสู่ตลาดแรงงาน
ประเทศแคนาดา
มหาวิทยาลัยในแคนาดาจะจัดหลักสูตรการเรียนการสอน
ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
(University
College)
ทั้งในระดับปริญญา
ระดับอนุปริญญา
และระดับประกาศนียบัตร
นักศึกษาสามารถเลือกโปรแกรมได้ตามต้องการ
โดยสามารถเลือกเรียนหลักสูตรที่เน้นทฤษฎีในระดับปริญญาบัตร
หรือเลือกเรียนหลักสูตรที่เน้นภาคปฏิบัติในระดับอนุปริญญาและประกาศนียบัตร
เพื่อนำไปประกอบอาชีพ
ประเทศออสเตรเลีย
มีวิทยาลัยเทคนิคและการศึกษาต่อเนื่อง
(College
of
Technical
and
Further
Education:
TAFE)
รับนักเรียนที่จบมัธยมศึกษาปีที่
4
จัดหลักสูตรการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพด้านอุตสาหกรรม
พาณิชกรรม
และศิลปะ
โดยแบ่งการสอนเป็น
3
ระดับ
คือ
ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพระดับ
1-4
(Certificate
I-IV)
เป็นหลักสูตรวิชาชีพพื้นฐาน
เน้นความรู้ระดับปฏิบัติงาน
ระดับอนุปริญญา
(Diploma)
เป็นหลักสูตรระดับปฏิบัติงานและการวางแผน
และระดับอนุปริญญาชั้นสูง
(Advanced
Diploma)
เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความก้าวหน้า
สามารถโอนหน่วยกิตจากระดับการอาชีวศึกษา
เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีได้
ทั้ง
3
ประเทศ
เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญทั้งการศึกษาในระดับการอุดมศึกษาควบคู่ไปกับการส่งเสริมการอาชีวศึกษา
โดยเฉพาะด้านการอาชีวศึกษาจะให้ความสำคัญในการผลิตกำลังคนระดับกลางที่มีคุณภาพและเท่าทันต่อความต้องการของอุตสาหกรรม
เพื่อนำพาการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้รวดเร็ว
แข็งแกร่ง
และแข่งขันได้
หากย้อนมาพิจารณาถึงสถานการณ์ในประเทศไทย
ผลจากการที่ค่านิยมของผู้ปกครองที่ต้องการส่งบุตรหลานให้เรียนในระดับสูง
ประกอบกับช่วงที่ผ่านมารัฐสนับสนุนให้ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาอย่างมาก
ส่งผลให้มีผู้เรียนในระดับอุดมศึกษามีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น
ในขณะที่ผู้เรียนในระดับอาชีวศึกษาซึ่งไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควรกลับมีสัดส่วนผู้เข้าศึกษาต่อลดลง
จากการประเมินของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
(2549)
พบว่าการศึกษาต่อในระดับอาชีวศึกษามีสัดส่วนน้อยกว่าการศึกษาต่อในสายสามัญ
อย่างไรก็ตาม
เมื่อไม่กี่ปีมานี้
ประเทศไทยเริ่มหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับอาชีวศึกษา
โดยในปีการศึกษา
2547
รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการเรียนต่ออาชีวศึกษาทุกคนไม่ต้องสอบคัดเลือก
ซึ่งทำให้สัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษาเพิ่มขึ้นมาบ้าง
โดยในปี
2547
สัดส่วนนักเรียนสายอาชีวศึกษาต่อสายสามัญ
มี
37:63
เพิ่มจากปี
2546
(36:64)
และในปี
2548
เพิ่มขึ้นเป็น
41:59
แต่แนวทางดังกล่าวคงทำได้เพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
เนื่องด้วยมีปัจจัยอื่น
ๆ
ที่มีผลต่อการตัดสินใจเรียนต่ออาชีวศึกษา
ดังนั้น
ในระยะยาวรัฐจำเป็นต้องหามาตรการในการส่งเสริมและดึงดูดผู้เรียนให้เข้าศึกษาต่อในสายอาชีพเพิ่มมากขึ้น
แนวทางแก้ไขในระยะยาว
นอกจากที่รัฐบาลจะเปิดโอกาสผู้เรียนเข้ามาเรียนสายอาชีพโดยไม่ต้องผ่านการสอบแล้ว
รัฐบาลควรมุ่งพัฒนาคุณภาพการอาชีวศึกษาให้ทันสมัยจนเป็นที่ยอมรับของประชาชนให้ได้
โดยการขับเคลื่อนความร่วมมือกับสถานประกอบการต่าง
ๆ
ที่เคยมีอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
เพื่อให้สถานประกอบการมีส่วนในการคิดหลักสูตร
สนับสนุนสถานที่ฝึกงาน
ร่วมกันทำวิจัย
ฯลฯ
ซึ่งจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือแก่ประชาชน
และช่วยให้การผลิตกำลังคนระดับอาชีวศึกษาสอดคล้องกับของภาคการผลิตอีกด้วย
รวมถึงมีมาตรการในสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของการอาชีวศึกษาและปรับค่านิยมของประชาชนที่มีต่อการอาชีวศึกษา
นอกจากนี้
รัฐบาลควรหามาตรการในการลดช่องว่างของรายได้
ระหว่างผู้ที่เรียนจบจากสายอาชีพและผู้ที่จบจากสถาบันอุดมศึกษา
เพื่อแก้ไขปัญหาผู้เรียนเข้าสู่สถาบันอุดมศึกษาจนเกินความต้องการ
โดยเฉพาะในบางสาขาวิชา
และประการสำคัญควรดำเนินการศึกษาวิจัยกลุ่มประเทศที่ได้มีการพัฒนาการศึกษาระดับอาชีวศึกษาจนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
เพื่อนำมาต่อยอดและประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการอาชีวศึกษาของไทยได้อย่างเหมาะสม
รัฐบาลและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ควรตระหนักว่าการพัฒนากำลังคนของประเทศ
ไม่สามารถแยกส่วนจากความต้องการของตลาดแรงงานได้
ดังนั้น
บทบาทหน้าที่ในการพัฒนากำลังคน
จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการเพียงอย่างเดียว
แต่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอื่นด้วย
เช่น
กระทรวงแรงงาน
กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงการท่องเที่ยงและกีฬา
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ฯลฯ
ทั้งยังเกี่ยวข้องกับภาคการผลิต
เช่น
ผู้ประกอบการ
ภาคธุรกิจในหลายสาขา
ฯลฯ
ที่ต้องเข้ามาร่วมสะท้อนความต้องการ
และวางนโยบายการผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการ
เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาแรงงานระดับอุดมศึกษาส่วนเกิน
และขาดแคลนแรงงานในระดับอาชีวศึกษา
พร้อมยกระดับคุณภาพแรงงานในทุกระดับให้สูงขึ้น
|