Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์


มุมมองรัฐศาสตร์
-เศรษฐศาสตร์ในการเลือก ส..
MP Elections a Political-Economic Perapective

 
 

19 มีนาคม 2550

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก                                   

              ข้อถกเถียงในประเด็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (..) เพื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบในเชิงหลักการ ได้แก่ การเลือกตั้ง ส.. ว่าควรมีระบบการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ หรือ เขตเดียวเบอร์เดียว จึงสะท้อนความเท่าเทียมและการเป็นตัวแทนประชาชนทั้งประเทศได้มากกว่ากัน

บทความนี้ ยกเว้นไม่กล่าวถึง ส..ระบบบัญชีรายชื่อ โดยจะพิจารณาในขอบเขตของการเลือกตั้ง ส.. ในเขตพื้นที่เท่านั้น

มุมมองรัฐศาสตร์ในการเลือกผู้แทนฯ

การตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการเลือกตั้ง ส.. แบบใดนั้น อยู่ที่การตอบคำถามว่า

เราต้องการให้ประชาชนทุกคน มีสิทธิเท่าเทียมกัน โดยเลือก ส.. จำนวนเท่ากัน?

หรือ เราต้องการให้ ส.. เป็นตัวแทนของกลุ่มคนในพื้นที่ ซึ่งแต่ละพื้นที่ย่อมมีขนาดแตกต่างกัน จำนวนประชากรไม่เท่ากัน แต่เลือกผู้แทนได้เท่ากัน?

แนวคิดประชาธิปไตยแบบปัจเจก (individualist democracy)  หากเรายึดแนวคิดนี้ที่ให้ความสำคัญกับประชาชน 1 คน เท่ากับ 1 เสียงเท่าเทียมกัน รูปแบบการเลือกตั้งที่เหมาะสมตามแนวคิดนี้ จึงควรเป็นแบบ เขตเดียวคนเดียว โดยกำหนดให้แต่ละเขตมีสัดส่วนจำนวนประชากรที่เท่ากัน และประชาชนมีสิทธิเลือกได้ 1 คนเท่ากันทั่วประเทศ

แนวคิดประชาธิปไตยแบบตัวแทนกลุ่ม (group democracy) ที่ให้ความสำคัญกับ กลุ่มคน โดยถือว่าแต่ละกลุ่มที่อาจมีจำนวนประชากรไม่เท่ากัน แต่จะต้องมีตัวแทนเท่ากัน รูปแบบการอาจกำหนดขอบเขตพื้นที่เป็นหลัก เช่น ขอบเขตจังหวัด โดยแต่ละจังหวัดให้ประชาชนเลือกผู้แทนได้จำนวนเท่ากัน

ก่อนปี พ..2540 การเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ มีความลักลั่น ระหว่างแนวคิดทั้งสองนี้ เพราะแม้ว่าจะยึดขอบเขตจังหวัดเป็นหลัก แต่ขณะเดียวกัน ในแต่ละเขตของจังหวัดนั้น ได้กำหนดสัดส่วนผู้แทนต่อจำนวนประชากรด้วย ส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน ด้วยเหตุนี้การร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี พ..2540 สภาร่างรัฐธรรมนูญในขณะนั้น ได้พยายามค้นหารูปแบบการเลือกตั้งในฝันที่คาดว่าจะมีส่วนช่วยพัฒนาการเมืองไทยให้ดีขึ้น จึงกำหนดให้เขตเลือกตั้งมีขนาดเล็กลง เพื่อให้ คนดี สามารถชนะเลือกตั้งได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตัดสินใจเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ดีที่สุดได้ง่ายกว่าระบบเขตใหญ่ ซึ่งมี ส..หลายคน เท่ากับยึดโยงตามแนวคิดประชาธิปไตยที่ให้ความสำคัญกับปัจเจก

สำหรับทัศนะส่วนตัวผม ยังไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งแบบ เขตเดียวคนเดียว อย่างเต็มที่นัก แม้ว่าจะถูกต้องตามหลักรัฐศาสตร์ แต่ในโลกยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับความเป็นสหวิทยาการและการมองแบบองค์รวม เพื่อให้เกิดความครบถ้วนในมุมมองมากยิ่งขึ้นในการดำเนินการเรื่องหนึ่ง ๆ ผมจึงอยากจะเพิ่มมุมมองในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ ทำให้ผมเกิดคำถามขึ้นมาว่า

 เมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกตั้ง ส.. แบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ แล้ว การเลือกตั้งแบบใด ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากผู้แทนที่เขาเลือกมากกว่ากัน?”

มุมมองเศรษฐศาสตร์ในการเลือกผู้แทน

พื้นฐานความคิดของหลักเศรษฐศาสตร์จะตระหนักว่า ทรัพยากรมีอยู่จำกัด จึงจำเป็นต้องหาวิธีการจัดสรรทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อให้สามารถสร้างอรรถประโยชน์สูงสุด เช่นเดียวกับการเลือกตั้ง ส.. ซึ่งเปรียบเสมือนทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงจำเป็นต้องหาวิธีเลือกตั้งที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ประชาชนจะได้รับอรรถประโยชน์สูงสุดจาก ส.. เหล่านี้ 

ผมได้ทำการวิจัยเมื่อปี พ..2548 เรื่อง ผลกระทบของระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ตามรัฐธรรมนูญปี พ.. 2540 ที่มีต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย[1] ศึกษาผลกระทบต่อระดับการเป็นตัวแทนประชาชนของ ส.. พบว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งให้เป็นแบบ 1 เขตมี ส.. 1 คน ทำให้ระดับการเป็นตัวแทนประชาชนในระดับเขตลดลง เพราะประชาชนในเขตเดียวกัน แต่ไม่ได้เลือก ส..คนดังกล่าว ย่อมไม่ได้รับความพึงพอใจสูงสุด

นอกจากนี้ พบว่า การเลือกตั้งในลักษณะนี้ ทำให้ระดับความเท่าเทียมกันของการได้รับบริการทางการเมืองลดลง เนื่องจากเขตเลือกตั้งแต่ละเขตมีจำนวน ส.. เพียงคนเดียว ทำให้ประชาชนมีทางเลือกของนโยบายน้อยลง เพราะผู้สมัครที่ตนเองเลือกกลับไม่ได้เป็นตัวแทนของตน ผู้แทนในแต่ละเขตจะสะท้อนประโยชน์เชิงนโยบายของคนกลุ่มเดียวในเขตที่เลือกตนเข้ามา

ในขณะที่เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ ในเขตที่ประชาชนสามารถเลือกผู้แทนได้ 2-3 คน ประชาชนในเขตนั้นย่อมได้รับความพึงพอใจมากกว่า เพราะสามารถได้ตัวแทนที่สะท้อนประโยชน์เชิงนโยบายของเขาได้มากกว่า เช่น ได้ ส.. ที่เป็นปากเสียงแทนกลุ่มของตน รวมถึงการเพิ่มประเด็นทางนโยบายที่สอดคล้องกับความต้องการของคนแต่ละกลุ่มมากขึ้น

ทางออก....แบ่งเขตเรียงเบอร์แบบเท่าเทียม ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

ความเหมาะสมของรูปแบบการเลือกตั้ง ส.. จึงควรเป็นการผสานแนวคิดรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ เสนอว่า ควรเลือกแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ โดยให้แต่ละเขตนั้นมีสัดส่วนจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกัน อาจเป็น 450,000 คนต่อเขตพื้นที่ และเลือกผู้แทนได้ในจำนวนเท่ากัน คือ 3 คน ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับความพึงพอใจทางนโยบายผ่านตัวแทนของตนมากขึ้น เนื่องจากมีระดับความเป็นตัวแทนประชาชน และระดับความเท่าเทียมกันทางการเมืองที่ดีกว่า เพราะมั่นใจว่ามีตัวแทนของตนที่เป็นปากเสียงในสภาฯ และมี ส.. ที่ช่วยผลักดันให้เขตของตนได้ประโยชน์จากนโยบาย มากกว่าการมี ส..แบบเขตเดียวคนเดียว

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การพิจารณาของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้ จะพิจารณาอย่างมีหลักการ และพิจารณาในแง่มุมต่าง ๆ อย่างครบถ้วนรอบคอบ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งในเรื่องของการใช้สิทธิเลือกผู้แทน และการได้รับอรรถประโยชน์สูงสุดจากผู้แทนที่ตนเลือกเข้ามา

[1] เอกสารวิชาการส่วนบุคคล หลักสูตร “การเมืองการปกครองในระบบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารระดับสูงรุ่นที่ 8

 

-------------------------------