เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
รัฐธรรมนูญปี
พ.ศ.
2540
ได้ก่อเกิดผลหลายประการต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ
ทั้งมิติการเป็นตัวแทนของประชาชน
ความเท่าเทียม
และเสถียรภาพของรัฐบาล
ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศในระยะยาว
การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ในระยะเวลาไม่ถึง
6
เดือนข้างหน้า
ทำให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
ต้องทำงานภายใต้ความกดดัน
เพราะต้องเร่งมือกันอย่างหนัก
อีกทั้งต้องพิจารณา
แก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบคอบ
เพราะความคาดหวังของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ค่อนข้างสูง
รูปแบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(ส.ส.)
เป็นประเด็นหนึ่งที่มีการตั้งคำถามว่า
ควรเป็นไปในทิศทางใด
เพื่อให้ได้ตัวแทนที่สะท้อนเสียงของประชาชนได้อย่างแท้จริง
เนื่องจากเป็นประเด็นหนึ่งที่สร้างปัญหาเมื่อนำมาใช้ในภาคปฏิบัติโดยรัฐบาลชุดที่ผ่านมา
จากที่ผมได้ทำการศึกษาวิจัยเมื่อปี
2548
เรื่อง
“
ผลกระทบของระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ตามรัฐธรรมนูญปี
พ.ศ.
2540
ที่มีต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย
”
พบว่า
ประเทศไทยอาจมีความจำเป็นต้องหันกลับมาใช้ระบบการเลือกตั้งแบบเดิมก่อนรัฐธรรมนูญปี
2540
เนื่องจากส่งผลดีต่อตัวแปรการพัฒนาประชาธิปไตยมากกว่าระบบเลือกตั้งในปี
2540
คง ส.ส.
บัญชีรายชื่อต่อไป
แต่กำหนดสัดส่วนใหม่
ข้อดีของ
ส.ส.
ระบบบัญชีรายชื่อที่ทำให้ผมเห็นว่า
ควรมีอยู่ต่อไปคือ
การเลือกผู้แทนในระบบนี้จะทำให้ได้ผู้แทนที่มีคุณวุฒิ
วัยวุฒิ
ซึ่งเป็นคนที่ไม่สามารถลงแข่งขันกับนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ได้
หากแต่ผลการวิจัยของผมพบว่า
อรรถประโยชน์ที่ประชาชนได้รับจากระบบดังกล่าวไม่ดีขึ้น
และ การกำหนดสัดส่วน
ส.ส.
ตามคะแนนเสียงเลือกตั้งที่พรรคการเมืองได้รับไว้
ร้อยละ 5
ทำให้พรรคใหญ่ได้ประโยชน์กว่าพรรคการเมืองขนาดเล็ก
วิธีการที่ผมขอเสนอเพื่อปิดจุดอ่อนในเรื่องนี้คือ
การแก้ไขสัดส่วนคะแนนที่ได้รับจาการเลือกตั้ง
อาจจะลดสัดส่วนลงจากร้อยละ
5
หรือไม่ต้องกำหนด
%
ว่าต้องได้เท่าไร
แต่ให้พรรคการเมืองได้
ส.ส.
ตามสัดส่วนของคะแนนเลือกตั้งที่ได้รับเลือกตั้ง
ซึ่งต้องมีการศึกษาแนวทางต่อไป
วิธีการนี้อาจเป็นช่องทางในเรื่องตัวแทนของพรรคเล็กที่เข้ามาในสภา
หากแต่ข้อควรระวังคือ
การขาดเสถียรภาพของรัฐบาลเนื่องจากมีพรรคเล็ก
พรรคน้อยเข้ามากเกินไป
ปรับเปลี่ยนการเลือก
ส.ส.
แบบแบ่งเขตเรียงเบอร์
แทน
เขตเดียวคนเดียว
ผลการวิเคราะห์พบว่า
สภาพการเมืองในบริบทต่าง
ๆ
ระบบเลือกตั้งแบบ
1
เขต
หลายตัวแทน
(แบ่งเขตเรียงเบอร์)
เป็นระบบพึงประสงค์มากกว่าระบบ
1
เขต
1
คน
เพราะสะท้อนระดับการเป็นตัวแทน
และความเท่าเทียมกันทางการเมืองในด้านการได้รับอรรถประโยชน์สูงสุดที่ดีกว่า
เนื่องจากเป็นการสะท้อนประโยชน์เชิงนโยบายแก่คนจากหลายกลุ่ม
ขณะที่เสถียรภาพของรัฐบาล
จะขึ้นหรือลงนั้นขึ้นอยู่กับการให้น้ำหนักของนโยบายที่จะเป็นการเอื้อส่วนรวมหรือเน้นนโยบายในระดับเขต
ทั้งหมดนี้จึงต้องฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปร่วมขบคิด
และถกเถียงกันต่อ
เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เหมาะสม
ที่จะนำสังคมไทยไปสู่สังคมประชาธิปไตยต่อไป
เอกสารวิชาการส่วนบุคคล นำเสนอต่อสถาบันพระปกเกล้า ในหลักสูตร การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 8 วิทยาลัยการเมืองการปกครอง
|